tag:blogger.com,1999:blog-72406664244237567792024-02-20T17:08:22.740+07:00ข่าวสาร-พันธมิตร-ขอนแก่นfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.comBlogger49125tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-85790180694569739242009-07-25T00:11:00.001+07:002009-07-25T00:11:25.678+07:00สปสช.ขอนแก่นดันเปิดคลินิกโรคหืดในโรงพยาบาลระดับตำบลศูนย์ข่าวขอนแก่น- ห่วงสถานการณ์ผู้ป่วยโรคหืด มีแนวโน้มสูงขึ้น ด้าน<br>สปสช.ขอนแก่น วางมาตรการรักษาโรคหืดในเชิงรุก ดันโรงพยาบาลระดับตำบล<br>เปิดคลินิกโรคหืดในกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นมหากาฬ<br>หวังใช้กำกับดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ เผย หากมีการรักษาอย่างทันท่วงที<br>ลดอัตราการเสียชีวิตได้<p> วันนี้ (24 ก.ค.) ที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล<br>สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สาขาเขตพื้นที่ขอนแก่น หรือ<br>สปสช.ขอนแก่น จัดอบรมเจ้าหน้าที่<br>หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในโครงการพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหืดใน<br>พื้นที่รับผิดชอบร้อยแก่มหากาฬ ประกอบไปด้วยจังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น<br>มหาสารคาม และ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล<br>และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่เข้ารับการอบรมกว่า 200 คน<p> รศ.นพ.วัชรา บุญสวัสดิ์ รองคณะบดีฝ่ายวิจัย คณะแพทยศาสตร์<br>มหาวิทยาลัยขอนแก่น<br>เปิดเผยถึงตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากโรคหอบหืดใน<br>ปี พ.ศ.2538 มีจำนวน 66,679 คน และเพิ่มเป็น 102,245 คน ในปี พ.ศ.2545<br>ส่วนสถิติผู้เสียชีวิตด้วยโรคหอบหืดในปี พ.ศ.2540 จำนวน 806 คน และในปี<br>พ.ศ.2546 เพิ่มขึ้นเป็น 1,697 คน<br>และคาดว่าจะมีผู้ป่วยที่มีอาการหอบหืดรุนแรง<br>จนต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินไม่ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านคน<p> "จำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี<br>และเป็นโรคเรื้อรังที่กระทบกับผู้ป่วยสูง<br>ไม่สามารถทำกิจกรรมได้เช่นคนปกติ<br>และทำให้ในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเป็นจำนวนมาก"<br>รศ.นพ.วัชรา กล่าว และว่า<p> โรคหืดในประเทศไทยเพิ่งจะได้รับความสนใจจากแพทย์เมื่อไม่นานมานี้<br>เนื่องจากว่ามีผู้ป่วยโรคหืดที่มีอาการรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาที่ห้อง<br>ฉุกเฉินหรือเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นในหลายๆ<br>ประเทศ<p> ด้าน นพ.ดุสิต ขำชัยภูมิ<br>รองผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 7 ขอนแก่น<br>เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคหอบหืดในปัจจุบันน่าเป็นห่วง เนื่องจากว่า<br>สถานพยาบาลที่ให้บริการไม่เพียงพอ<br>จึงทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ไกลจากภูมิลำเนา<br>ทำให้ลำบากในการเดินทาง ทางสปสช.เขต 7 ขอนแก่น จึงผลักดันให้เกิดคลินิก<br>โรคหอบหืดประจำตำบล ในเขตพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 4 จังหวัด<br>และจากที่ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ถือว่าประสบผลสำเร็จ<p> "สปสช.ขอนแก่น<br>ได้ดำเนินการเปิดคลินิกประจำตำบลในกลุ่มจังหวัดที่รับผิดชอบ<br>ขณะนี้สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่เป็นโรคหืดอย่างรุนแรงลงได้<br>แต่ต่อไปจะมีการเปิดคลินิคโรคหืดประจำตำบลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่โดยทาง<br>สปสช.เขต 7 ขอนแก่น จะเป็นผู้สนับสนุน" นพ.ดุสิต กล่าวและว่า<p> หาก ผู้ป่วยมีการรักษาที่ทันท่วงทีและปฏิบัติตามแพทย์ที่คอยให้คำแนะนำ<br>ผู้ป่วยจะสามารถดำรงชีวิตได้เหมือนกับคนปกติทั่วไป<br>แต่จะต้องระมัดระวังเรื่องฝุ่น<br>เพราะโรคดังกล่าวนอกจากเกิดจากกรรมพันธุ์แล้ว การอยู่ในที่อากาศไม่ถ่ายเท<br>รวมสถานที่ที่มีฝุ่นมาก ก็อาจเป็นสาเหตให้เกิดโรคได้<p> สำหรับผลการดำเนินการพบว่ามีโรงพยาบาล 98 แห่ง<br>สามารถจัดตั้งคลินิกโรคหืดแบบง่ายได้ มีโรงพยาบาล 65 แห่ง<br>มีการลงข้อมูลในฐานข้อมูลและโรงพยาบาล 33 แห่ง<br>มีการดำเนินการแต่ไม่ได้ลงในฐานข้อมูล และในปี พ.ศ.2551<br>มีผู้ป่วยที่ถูกขึ้นทะเบียนใน 4 จังหวัดร้อยแก่นมหากาฬ 4,815 คน<br>และมีผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาล 25,567 ครั้งfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-9150162558126514202009-07-25T00:05:00.001+07:002009-07-25T00:05:12.772+07:00ผู้ป่วยหวัดใหญ่ขอนแก่น 13 รายยังอยู่โรงพยาบาล ชี้หน้าฝน-หนาวเสี่ยงติดเชื้อสูงโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2552 10:02 น.<br> ศูนย์ข่าวขอนแก่น-<br>สสจ.ขอนแก่นระบุตัวเลขสะสมผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เมืองหมอแคน<br>165 ราย แต่เหลือแค่ 13 รายที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล<br>เผยชาวขอนแก่นตื่นตัวป้องกันหวัดใหญ่กันมากขึ้น<br>เห็นได้จากการสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออกนอกบ้าน<br>ชี้ต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแร็งสม่ำเสมอ<br>เพราะหน้าฝนถึงหน้าหนาวอัตราการแพร่เชื้อสูงมาก<p> นายวิทิต สฤษฏีชัยกุล<br>รักษาราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึง สถานการณ์<br>โรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ในจังหวัดขอนแก่น ล่าสุดข้อมูล ณ วันที่ 22<br>ก.ค. 52ที่ผ่านมาว่า พบผู้ป่วยยืนยันติเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่<br>2009 จำนวนสะสมทั้งสิ้น 165 ราย<br>เป็นผู้ป่วยที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดขอนแก่น 132 ราย<br>ที่เหลือเป็นผู้ป่วยจากต่างจังหวัด ในจำนวนนี้รักษาหายแล้ว 152 ราย<br>ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 13 ราย แต่อาการทั่วไปดีขึ้น<p> สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น<br>โดยคณะกรรมการอำนวยการป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ จังหวัดขอนแก่น<br>ซึ่งประกอบด้วย ผู้บริหารด้านสาธารณสุข แพทย์ พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุข<br>จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โรงพยาบาลศรีนครินทร์<br>โรงพยาบาลค่ายศรีพัชรินทร์ และโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งในจังหวัดขอนแก่น<br>ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประชุมประเมินผลมาตรการการดำเนินงาน<br>ทั้งด้านการรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรค<br>การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชน เป็นระยะทุกสัปดาห์<br>พบว่าขณะนี้ชาวขอนแก่นมีความตื่นตัวในการป้องกันตนเองและคนในครอบครัวมาก<br>ขึ้น<p> สังเกต จากมีการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อป่วยเป็นหวัด ไอจาม<br>หรือเข้าไปในที่ชุมชนแออัดกัน มีการจัดจุดล้างมือด้วยน้ำและสบู่<br>การให้บริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือตามโรงเรียน และสถานประกอบการต่างๆ<p><br> นายแพทย์วิทิตกล่าวต่อว่า<br>เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส<br>ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว<br>จึงขอให้ประชาชนปฏิบัติตนอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย เรื่อง<br>การกินอาหารสุกร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ<br>และสวมหน้ากากอนามัยเมือไอจาม<br>หมั่นดูแลรักษาร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ<p> โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง<br>หากเริ่มป่วยมีไข้ควรหยุดเรียน หยุดงาน พักผ่อนรักษาตัวจนกว่าจะหายป่วย<br>อาการไม่ดีขึ้นต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที<br>และขอประชาสัมพันธ์ขอบคุณไปยังหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน สถาบันการศึกษา<br>ห้างร้าน สถานบริการต่างๆ<br>ที่ให้ความร่วมมือในการรณรงค์ทำความสะอาดสถานที่<br>และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติในการป้องกันควบคุมโรค<br>ตลอดจนการงดให้บริการหากพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่<br>2009fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-60999568255533365932009-07-23T16:08:00.001+07:002009-07-23T16:08:26.428+07:00คนขอนแก่นแห้วชมสุริยคลาส ฟ้าครื้มแต่ไก่โห่ศูนย์ข่าวขอนแก่น-นักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น<br>และประชาชนทั่วไปที่รอสังเกตและชมปรากฏการณ์สุริยุปราคา้ต้องผิดหวัง<br>เนื่องจากสภาพฝนฟ้าอากาศไม่เป็นใจ<br>ที่ขอนแก่นมีฝนตกตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา<br>ทำให้ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมา้ท้องฟ้าปิดไม่สามารถมองเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าว<p> สภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ เนื่องจากมีฝนตกตั้งแต่เมื่อคืนทีผ่านมา<br>ทำให้ตั้งแต่เช้าจนถึงขณะนี้ที่จังหวัดขอนแก่นท้องฟ้ายังคงปิด<br>ทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแ่ก่นที่ตั้งกล้องดาราศาสตร์<br>และจัดเตรียมแ่ผ่นโซล่า วิวเวอร์ หรือแว่นสำหรับดูดวงอาิทิตย์ไว้<br>เพื่อรอชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาต็มดวง<p> แต่เมื่อฟ้าปิดนักศึกษาต่างบ่นรู้สึกเสียดาย<br>ที่ไม่ได้ชมปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้ ทั้งที่ได้เตรียมพร้อมอย่างดี<br>เช่นเดียวกับประชาชนที่ตั้งใจรอชมปรากฏการณ์<br>โดยมีผู้สังเกตว่าวันนี้ฟ้าปิดนานผิดปกติ<br>แต่เมื่อเห็นว่าสภาพท้องฟ้าปิดเช่นนี้่ย่อมมองไม่เห็นปรากฏการณ์<br>สุริยคลาส หรือ "กบกินตะวัน" ตามภาษาท้องถิ่นแน่นอน ก็รู้สึกผิดวัง<p> อย่างไรก็ตามแม้ไม่ได้ชมด้วยตนเอง<br>ก็จะรอติดตมชมภาพข่าวจากการชมรากฏการณ์ของประเทศจีนหรือประเทศอื่นที่น่าจะ<br>ชมได้ชัดเจนมากกว่าเมืองไทยfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-33519816964379781332009-07-23T15:56:00.001+07:002009-07-23T15:56:19.756+07:00สสส.หนุนผลิตการ์ตูนแจกเยาวชนต้านภัยไข้หวัด 2009ศูนย์ข่าวขอนแก่น - นักวิชาการ มข.เผยได้รับการสนับสนุนงบจาก<br>สสส.วิจัยศึกษาการผลิตสื่อการ์ตูนเพื่อรณรงค์สร้างสุขนิสัยสำหรับเด็กวัย<br>เรียน หวังภัยไข้หวัดใหญ่ 2009<br>พากษ์ด้วยเสียงภาษาถิ่นเพื่อง่ายต่อการเข้าถึง<br>โดยหลังกระบวนการผลิตแล้วเสร็จพร้อมเผยแพร่ให้แก่องค์กรหน่วยงานต่างๆ<br>และโรงเรียนทั่วไป ที่สนใจ ใช้เป็นสื่อสอนเด็ก<p> สืบเนื่องจากความตื่นตัวขององค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน<br>รณรงค์สร้างกระแสให้ประชาชนหันมาสนใจเรื่องสุขนิสัย<br>เพื่อเป็นการต้านภัยไข้หวัด 2009 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้<br>ดังกรณีการแจกจ่ายเจลสำหรับล้างมือในสถานที่ต่างๆ นั้น<br>ทางสำนักเปิดรับทั่วไป<br>สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเองก็ได้มีโครงการวิจัย<br>"การประยุกต์ใช้นวัตกรรมการสร้างเสริมสุขนิสัยและพฤติกรรมสุขภาพ<br>สำหรับเด็กวัยเรียน จังหวัดขอนแก่น"<br> ซึ่งถือเป็นการใช้นวัตกรรมที่มีส่วนในการป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัด<br>2009 ได้อีกช่องทางหนึ่ง<p> รศ.ดร.พรรณี บัญชรหัตถกิจ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น<br>ผู้รับทุนโครงการวิจัยดังกล่าว เปิดเผยว่า<br>จากการศึกษาการสร้างเสริมสุขนิสัยของเด็กวัยเรียนที่ผ่านมา พบว่า<br>โรงเรียนส่วนใหญ่ยังขาดสื่อหรือนวัตกรรมที่จะใช้เพื่อเสริมสร้างสุขนิสัย<br>ตามสุขบัญญัติแห่งชาติ 10 ประการ ดังนั้น<br>โครงการจึงมีการสร้างนวัตกรรมเพื่อการสร้างเสริมลักษณะนิสัยขึ้น<br>โดยจำเป็นต้องใช้ทั้งภาพและเสียงที่เคลื่อนไหว<p> ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นประสาทสัมผัส<br>ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลรักษาร่างกายและของใช้ให้สะอาด,<br>การรักษาฟันให้แข็งแรงและแปรงฟันทุกวันอย่างถูกต้อง ฯลฯ ไปจนถึง<br>การล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังขับถ่าย<br>ซึ่งน่าจะสอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ในเวลานี้<p> รศ.ดร.พรรณี ระบุว่าแม้จะอยู่ในช่วงของการดำเนินงานวิจัย<br>แต่ปัจจุบันทางโครงการได้ผลิตสื่อเพื่อเผยแพร่ในเด็กวัยเรียนเรียบร้อยแล้ว<br>โดยผลิตเป็น VCD การ์ตูน ที่มีเสียงภาษาท้องถิ่นเพื่อง่ายต่อการเข้าถึง<br>ซึ่งสามารถเผยแพร่ให้แก่องค์กรหน่วยงานต่างๆ และโรงเรียนอื่นๆ ที่สนใจ<br>เพื่อใช้เป็นสื่อสำหรับเด็กวัยเรียนถึงความสำคัญของสุขอนามัยต่อไป<p> ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถาม เพื่อขอรับ VCD<br>การ์ตูนดังกล่าวได้ที่ ทีมงานประชาสัมพันธ์ สำนัก 6 สสส.<p><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000083270">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000083270</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-36568275341064775982009-07-23T15:54:00.001+07:002009-07-23T15:54:26.465+07:00สูญเสียอีกแนวร่วม พธม."อ.สมคิด เดชรัตน์" เชิญพี่น้องร่วมฌาปนกิจ 2 ส.ค.นี้ศูนย์ข่าวขอนแก่น- "สมคิด เดชรัตน์" พันธมิตรฯ กู้ชาติ<br>รุ่นบุกเบิกเสียชีวิตแล้ว โดยอุบัติเหตุรถ จยย.ชนใกล้กับ ม.วลัยลักษณ์<br>เชิญชวนพี่น้องพันธมิตรฯ ที่คุ้นเคยร่วมฟังสวดพระอภิธรรม<br>พร้อมร่วมพิธีฌาปนกิจศพ วันอาทิตย์ที่ 2 ส.ค.52 ณ วัดนิกรรังสฤษฏ์<br>อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง<p> นพ.เฉลิมชัย อภิญญานุรักษ์<br>แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น<br>ได้แจ้งข่าวประกาศให้พี่น้องพันธมิตรฯ ที่รู้จัก<br>หรือเคยร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับ อาจารย์สมคิด เดชรัตน์<br>ซึ่งเคยเป็นนักศึกษาปริญญาเอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.)<br>รับทราบว่า ขณะนี้อาจารย์สมคิดได้เสียชีวิตแล้ว โดยเมื่อวันที่ 16<br>ก.ค.2552 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.00 น.อาจารย์สมคิด ได้ประสบอุบัติเหตุ<br>ถูกรถจักรยานยนต์ชน ขณะกำลังขี่รถจักรยานใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์<br>แพทย์ต้องทำการผ่าตัดถึง 2 ครั้งเพื่อช่วยเหลือ<br>แต่อาจารย์สมคิดเสียชีวิตในวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา<p> อาจารย์สมคิด เดชรัตน์ เป็นชาวตรังโดยกำเนิด ปัจจุบันอายุ 27 ปี<br>เข้าร่วมต่อสู้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาตั้งแต่ปี 2548<br>จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ อาจารย์สมคิด ได้เดินทางมาศึกษาต่อระดับปริญญาเอก<br>คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เกี่ยวกับยีนมะเร็งท่อน้ำดี<br>จนสำเร็จการศึกษา ในเดือนเมษายน 2552<br>พร้อมกับบันทึกสดุดีการต่อสู้กู้ชาติของพันธมิตรฯ บนหน้าแรกวิทยานิพนธ์<br>ของตนเอง ก่อนเสียชีวิตอาจารย์สมคิดเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์<br>จ.นครศรีธรรมราช<p> นพ.เฉลิมชัย กล่าวว่า<br>เป็นที่น่าเสียดายที่ต้องสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าอย่างอาจารย์สมคิด<br>ไปในวัยที่ไม่สมควร นอกจากจะมีคุณค่าทางแวดวงการศึกษาด้านแพทย์ศาสตร์แล้ว<br>ยังเป็นการสูญเสียเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของพี่น้องพันธมิตรฯที่มีจุดยืนทางการ<br>เมืองชัดเจนว่า ต้องการให้การเมืองใหม่เกิดขึ้นได้จริง<br>เพื่อแก้ปัญหาโกงกินสมบัติชาติของเหล่านักการเมืองขี้โกงในระบอบการเมืองแบบ<br>เก่า<p> "อยากจะขอเชิญชวนพี่น้องพันธมิตรจังหวัดขอนแก่น จังหวัดตรัง<br>จังหวัดนครศรีธรรมราช<br>และจังหวัดใกล้เคียงร่วมไว้อาลัยส่งดวงวิญญาณเพื่อนพันธมิตรผู้รักชาติ<br>รักสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างอาจารย์สมคิดไป<br>สู่สวรรค์อย่างพร้อมเพรียงกัน"<p> สำหรับ กำหนดการงานสวดพระอภิธรรม อาจารย์สมคิด เดชรัตน์ มีดังนี้<br>ตั้งสวดพระอภิธรรมศพทุกคืนที่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 1 ถนนสุนทรอุทิศ<br>ตำบลย่านตาขาว อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ส่วนพิธีฌาปณกิจศพ<br>จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2552 ที่วัดวัดนิกรรังสฤษฏ์<br>ตำบลย่านตาขาว อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง<p><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000083157">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000083157</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-54726622299945502222009-07-20T16:54:00.001+07:002009-07-20T16:54:15.800+07:00อุทยานวิทยาศาสตร์อีสานพร้อมหนุนภาคธุรกิจเพิ่มศักยภาพการแข่งขันโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กรกฎาคม 2552 15:46 น.<br> ศูนย์ข่าวขอนแก่น-อุทยาน วิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>พร้อมหนุนธุรกิจทุกภาคส่วนใช้<br>วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือพัฒนาธุรกิจสร้างศักยภาพการแข่งขัน<br>และผลักดันธุรกิจในภูมิภาคเติบโตอย่างยั่งยืน<br>ด้วยการอาศัยงานวิจัยเป็นตัวช่วย<p> เมื่อเร็วๆนี้ ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก<br>มหาวิทยาลัยขอนแก่น อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดงาน<br>"INSPIRED BY NORTHEASTERN SCIENCE PARK" ขึ้น<br>เพื่อนำเสนอผลการดำเนินงานในระยะที่ 1<br>และแสดงศักยภาพความพร้อมสู่แผนงานระยะที่ 2 ต่อหน่วยงานทั้งภาครัฐ<br>ภาคเอกชน และสาธารณชนให้ได้รับทราบถึงผลการดำเนินงานขององค์กร<br>อันส่งผลกระทบต่อท้องถิ่นให้เกิดการพัฒนาธุรกิจ<br>และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างมั่นคง<p> รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย<br>อนุกรรมการและเลขานุการโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์<br>ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในฐานะตัวแทนอุทยานวิทยาศาสตร์<br>ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>กล่าวถึงการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่า<br>เป็นการจัดตั้งขึ้นตามนโยบายคณะรัฐมนตรี ในสมัย พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์<br>เป็นนายกรัฐมนตรี<br>โดยมีมติให้ความเห็นชอบให้มีการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์<br>ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขึ้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550<br>และได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)<br>ทำหน้าที่ประสานและให้คำแนะนำในการดำเนินงาน<p> ทั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจ<br>และสังคมโดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี<br>ซึ่งจะนำไปสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพการแข็งขัน<br>ของประเทศ โดยได้ขยายศูนย์กลางการดำเนินงานมายังภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>และได้ให้สถาบันอุดมศึกษา 4 แห่ง อันคือมหาวิทยาลัยขอนแก่น<br>มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม<br>และมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี<br>ร่วมมือกันใช้ความสามารถในเชิงวิจัยเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรม<br>และบ่มเพาะผู้ประกอบการใหม่<br>โดยการสนับสนุนงบประมาณเบื้องต้นในการจัดตั้งจากรัฐบาล<p> รศ.ดร.กิตติชัย<br>เปิดเผยว่าปัจจุบันอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>ได้ดำเนินการวิจัย<br>และพัฒนาเพื่อยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3<br>ปี (ปีพ.ศ. 2549-2552) ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดของการดำเนินงานในระยะที่ 1<br>จึงได้จัดงาน "INSPIRED BY NORTHEASTERN SCIENCE PARK" ขึ้น ซึ่งมี<br>นายสุวิทย์ คุณกิตติ<br>รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงาน<br>พร้อมเชิญผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ<br>นักวิชาการ สื่อมวลชน นักเรียน นักศึกษาและผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมงาน<p> การจัดงานครั้งนี้<br>ได้รับเกียรติในการบรรยายพิเศษจากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี<br>ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)<br>และรองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)<br>และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเครือเบทาโกร<br>ได้มาบรรยายพิเศษเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจไทย<br>พร้อมการเสวนาจากอดีตผู้บริหาร โซนี่มิวสิค (ประเทศไทย)<br>และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยแอร์เอเชีย จำกัด<br>ที่มาร่วมเปิดมุมมองแบบฉบับคิดให้ต่าง เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ<p> ปิดท้ายด้วยการเสวนาวิสัยทัศน์ของนักธุรกิจรุ่นใหม่<br>โดยรองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด<br>(มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายปลากระป๋องตราปลายิ้ม และรองกรรมการผู้จัดการ<br>บริษัท แมพพ้อยท์เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด<p> นอกจากนี้ ในงานยังให้บริการให้คำปรึกษาด้านการตลาด<br>ด้านตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดทำแผนธุรกิจ<br>การจับคู่ทางธุรกิจ การหาผู้ร่วมทุน และกิจกรรมอื่นๆ<br>ที่จะเป็นผู้ช่วยจุดประกายธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมของภูมิภาคสู่ประตูที่ 9<br>เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข็งขัน และยกระดับเทคโนโลยี<br>นำไปสู่ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจต่อไปfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-5035381944803411652009-07-20T16:51:00.001+07:002009-07-20T16:51:07.481+07:00แพทย์ มข.จัดคอนเสิร์ตช่วยผู้พิการเสียง - วางกรอบพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เหมือนคนปกติศูนย์ข่าวขอนแก่น - ห่วงผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียงในภาคอีสาน หลังผ่าตัด<br>ต้องพลิกผันเป็นผู้พิการเสียง เหตุตัดกล่องเสียงทิ้งรักษาชีวิต<br>ระบุผู้พิการสื่อสารกับคนทั่วไปไม่ได้ กระทบโดยตรงกับสุขภาพจิตรุนแรง<br>ด้านทีมแพทย์รพ.ศรีนครินทร์ ตระหนักใช้แนวทางแก้ไขแบบครบวงจร<br>ยึดวิธีฝึกออกเสียงด้วยหลอดอาหารช่วยเหลือ มากว่า 25 ปี<br>ขณะที่ทุนทรัพย์หนุนกิจกรรมและค่าพาหนะผู้พิการเสียงไม่เพียงพอ<br>เตรียมจัดคอนเสิร์ต "ธารน้ำใจแด่ผู้ไร้กล่องเสียง" 28 สิงหาคมนี้<p> ผศ.นพ.ภัทรวุฒิ วัฒนศัพท์ อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา<br>คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า<br>โรคมะเร็งกล่องเสียงเป็นโรคมะเร็งที่ศีรษะและคอ<br>โดยบทบาทของโรงพยาบาลศรีนครินทร์<br>ถือเป็นศูนย์กลางการรักษาโรคมะเร็งศีรษะและคอ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>แต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียงและโรคมะเร็งคอหอยส่วนล่าง<br>เข้ารักษาโดยเฉลี่ยประมาณปีละ 80 คน<p> ปัจจัยและสาเหตุของโรคมะเร็งกล่องเสียง<br>สาเหตุหลักมาจากการสูบบุหรี่ ซึ่งสารพิษในควันบุหรี่<br>มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเซลล์ จนทำให้เกิดมะเร็งกล่องเสียง<br>ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นเพศชายมากกว่าหญิง<br>โดยสถิติการเกิดโรคจะพบผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียง 2 คนต่อประชากร 1 แสนคน<br>และที่น่าสนใจ แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยที่มารักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ไม่ลดลง<p> จุดที่น่าเป็นห่วง ผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียง<br>ที่ส่งต่อเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์นั้น มากกว่า 80%<br>ป่วยเป็นมะเร็งระยะลุกลามแล้ว ทำให้การรักษายากลำบาก<br>จำเป็นต้องผ่าตัดกล่องเสียงทิ้งรักษาชีวิตผู้ป่วยไว้<br>ผู้ป่วยหลังผ่าตัดจึงไม่สามารถพูดได้ แต่หากผู้ป่วยมารักษาในระยะแรก<br>ยังคงรักษาด้วยการยิงเลเซอร์ ไม่ต้องตัดกล่องเสียงออก<p> ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดกล่องเสียงออกไป<br>จะไม่สามารถพูดได้เหมือนคนปกติทั่วไป<br>ต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟูให้สามารถใช้เสียงได้<br>โดยวิธีรักษาผู้ป่วยให้สามารถกลับมาพูดได้มี 3 วิธีคือ<br>การผ่าตัดเปิดช่องหลอดลม , การฝึกพูดโดยใช้หลอดอาหาร ,<br>และการพูดโดยใช้อุปกรณ์กล่องเสียงเทียม<br>โดยการรักษาผู้ป่วยของโรงพยาบาลศรีนครินทร์<br>จะเน้นวิธีฝึกพูดโดยใช้หลอดอาหารเป็นหลัก<p> ชี้พิการเสียงกระทบการดำรงชีวิต<br> ชูบำบัดเสียงด้วยสหสาขาวิชาชีพ<p> ด้านรศ.ดร.เบญจมาศ พระธานี อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา<br>คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า<br>ผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียงที่ผ่าตัดรักษาต้องตัดกล่องเสียงออก<br>กลายเป็นผู้พิการเสียงทันที ไม่สามารถสื่อสารด้วยวิธีพูดปกติได้<br>ที่ผ่านมาผู้พิการเสียง มักประสบปัญหา เกิดความทุกข์ทรมาน<br>กระทบโดยตรงต่อสุขภาพจิต เพราะ ไม่สามารถสื่อสารกับคนทั่วไปได้<br>ขอความช่วยเหลือลำบาก ผู้พิการเสียงบางรายถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายก็มี<p> ขณะเดียวกันผู้ไร้กล่องเสียง ยังมีปัญหาสุขภาพด้านต่างๆ อาทิ<br>การกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งกล่องเสียง การดูแลทางเดินหายใจด้วยตนเอง<br>การดูแลสุขภาพหลังตัดกล่องเสียง การไอและป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ<br>ฯลฯ<p> โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น<br>ตระหนักถึงปัญหาและมุ่งแก้ปัญหาให้ผู้ป่วยพิการเสียง<br>สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิต ดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข<br>จึงริเริ่มโครงการพัฒนาระบบการฟื้นฟูผู้พิการทางการสื่อสารจากมะเร็งกล่อง<br>เสียงแบบครบวงจร มาตั้งแต่ปี 2527<p> เพื่อดูแลผู้ป่วยหลังการผ่าตัดมะเร็งกล่องเสียง แบบสหสาขาวิชาชีพ<br>ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมเพียงแห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>มีนักแก้ไขการพูด นักกายภาพบำบัด พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์<br>มาร่วมช่วยเหลือผู้ป่วย<br>ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการตามนโยบายของคณะแพทยศาสตร์และตามพระราชบัญญัติคนพิการ<br>แห่งประเทศไทย<p> สำหรับการอบรมและฝึกพูดด้วยหลอดอาหารนั้น จะต้องฝึกเรอ<br>ให้ลมออกจากหลอดอาหารเป็นเครื่องมือในการออกเสียง รูปแบบการอบรม<br>จะมีวิธีฝึกพูดแบบตัวต่อตัว โดยนักแก้ไขการพูด พยาบาล<br>และผู้ไร้กล่องเสียงที่พูดด้วยหลอดอาหารได้คล่องแล้ว มาอบรมให้<br>ทั้งจะมีการจัดอบรมฝึกพูดเป็นกลุ่ม แบ่งระดับความสามารถของผู้ป่วยแต่ละคน<br>และมีวิทยากรประจำกลุ่ม<p> รศ.ดร.เบญจมาศ กล่าวต่อว่า โดยทั่วไปผู้ป่วยพิการเสียง<br>จะเดินทางมาอบรมฝึกพูดที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ประมาณเดือนละ 1 ครั้ง<br>อย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะสามารถออกเสียงหรือพูดโดยหลอดอาหารได้<br>โดยปกติการอบรมจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน ผู้ป่วยจะสามารถเรอออกมาได้<br>ส่วนผู้ป่วยที่สามารถกลับมาใช้เสียงด้วยหลอดอาหารได้นั้น มีประมาณ 70%<br>ขึ้นอยู่กับเนื้อมะเร็งกล่องเสียงด้วย<p> อย่างไรก็ตาม<br>แม้การรักษาผู้พิการเสียงให้กลับมาใช้เสียงด้วยหลอดอาหารได้นั้น<br>จะมีสวัสดิการรัฐช่วยเหลือ ทั้งสิทธิ์จ่ายตรง ประกันสังคม หรือบัตรทอง<br>แต่ค่าพาหนะเดินทางของผู้พิการเสียงมาฝึกพูดที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์<br>รวมถึงเบี้ยเลี้ยงจ่ายครูฝึก และค่าใช้จ่ายอื่น<br>ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายนอกเหนือการใช้สิทธิ์<br>เป็นภาระผู้ป่วยพิการเสียงและครอบครัว<br>ในหลายจังหวัดภาคอีสานที่มีฐานะค่อนข้างยากจน<p> เตรียมจัดคอนเสิร์ตธารน้ำใจแด่ผู้ไร้กล่องเสียง<p> สำหรับการช่วยเหลือ ได้จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือขึ้นมา<br>โดยที่มาของเงินช่วยเหลือได้จัดคอนเสิร์ตสมทบกองทุนไปเมื่อประมาณ 10<br>ปีที่ผ่านมา ขณะนี้เงินกองทุนเริ่มหมดลง ไม่เพียงพอต่อกิจกรรมช่วยเหลือ<br>ทางโครงการพัฒนาระบบการฟื้นฟูผู้พิการทางการสื่อสารจากมะเร็งกล่องเสียงและ<br>ชมรมผู้ไร้กล่องเสียงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>จึงร่วมกันจัดคอนเสิร์ตการกุศลดนตรีสร้างสุข<br>"ธารน้ำใจแด่ผู้ไร้กล่องเสียง ครั้งที่ 2" ในวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคมนี้<p> ณ ห้องประชุมมอดินแดง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น<br>เพื่อหาทุนทรัพย์สนับสนุนค่าพาหนะและการจัดกิจกรรม ด้านการดูแลตนเอง<br>การให้กำลังใจ การให้คำแนะนำปรึกษา ทั้งด้านร่างกาย<br>ด้านจิตใจและสังคมกับผู้ป่วยพิการเสียง อีกทั้งเป็นกิจกรรมสร้างความสุข<br>ผ่อนคลายให้แก่ผู้ไร้กล่องเสียงและผู้ร่วมกิจกรรมด้วย<p> รูปแบบคอนเสิร์ตครั้งนี้ เป็นแบบดนตรีบำบัด โดยไฮไลท์ของงาน<br>ได้รับเกียรติจากนักดนตรีบำบัด Kana Kamitsubo<br>นักเปียร์โนและนักดนตรีบำบัดมืออาชีพระดับโลก จาก สหรัฐอเมริกา<br>จะมาเล่นดนตรีบำบัด พร้อมด้วยอังศณา ช้างเศวต<br>และที่สำคัญมีผู้ไร้กล่องเสียงมาร่วมร้องบทเพลงด้วยหลอดอาหาร<br>ภายในเวทีคอนเสิร์ตนี้ด้วย<p> สำหรับผู้สนใจร่วมกิจกรรมคอนเสิร์ตการกุศลครั้งนี้<br>สามารถติดต่อซื้อบัตรชมคอนเสิร์ต ได้ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น<br>โทร 043-348396 หรือผู้สนใจต้องการร่วมบริจาคทุนทรัพย์ช่วยเหลือกิจกรรมชมรมผู้ป่วยพิการไร้<br>กล่องเสียงได้ที่ กองทุนชมรมผู้ไร้กล่องเสียงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 551-291456-7 ธนาคารไทยพาณิชย์<br>สาขามหาวิทยาลัยขอนแก่น<p><br><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000081524">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000081524</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-41003709047574184472009-07-20T16:47:00.001+07:002009-07-20T16:47:46.807+07:00เล็งตั้งสถานีขนส่งสินค้าทางรถไฟที่ฝูงบิน 237 อ.น้ำพองศูนย์ข่าวขอนแก่น- กมธ.คมนาคม<br>ลงพื้นที่ตรวจสอบและพิจารณาเรื่องการพัฒนาท่าอากาศยานฝูงบิน 237<br>และการจัดตั้งสถานีขนส่งสินค้าทางรถไฟ ที่ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น<br>เพื่อเป็นศูนย์กลางขนส่งเชิงพาณิชย์<br>พร้อมนัดสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง<br>ร่วมระดมความคิดเห็น<p> ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายปัญญา ศรีปัญญา<br>ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร นำทีมคณะกรรมาธิการคมนาคม<br>ลงพื้นที่ตรวจสอบและพิจารณาเรื่องการพัฒนาท่าอากาศยานฝูงบิน 237<br>และการจัดตั้งสถานีขนส่งสินค้าทางรถไฟ ที่ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น<br>เป็นศูนย์กลางขนส่งเชิงพาณิชย์<br>การประชุมเพื่อพิจารณาโครงการดังกล่าวครั้งนี้คณะกรรมาธิการคมนาคม<br>สภาผู้แทนราษฎร ได้ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร<br>และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมระดมการคิดเห็น<p> ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคมสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม<br>มีนโยบายเปิดเสรีการบินและส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค<br>เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นการที่จะพัฒนาท่าอากาศบานฝูงบิน 237<br>เป็นสนามบินสาธารณะเพื่อให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปนั้น<br>สามารถดำเนินการได้ ดังเช่นที่กรมการขนส่งทางอากาศ และ บริษัท<br>ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)<p> โดยล่าสุด ศูนย์ควบคุมการบินรับทราบแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร<br>สามารถสร้างเพิ่มอีกแห่ง จากที่ปัจจุบันสนามบินขอนแก่น<br>รองรับความต้องการผู้โดยสารไม่เพียงพอ มองว่า อีก 4-5 ปี<br>ตัวเมืองจังหวัดขอนแก่นจะขยายตัวมากกว่านี้<br>การลงทุนช่วงนี้น่าจะสามารถลดคอสต์ก่อสร้างได้<p> สำหรับการพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานฝูงบิน 237<br>เพื่อให้บริการเชิงพาณิชย์จำเป็นต้องลงทุนก่อสร้างและพัฒนาเพื่อให้เกิดความ<br>พร้อมตามมาตรฐานสากล ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก<br>และสนามบินอาจก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมกับชุมชนใกล้เคียงในเรื่อง<br>เสียงและมลพิษทางอากาศ<br>ขณะที่ในพื้นที่ดังกล่าวมีท่าอากาศยานที่อยู่ในระยะใกล้เคียงกันถึง 2<br>แห่งที่ให้บริการประชาชนในพื้นที่อยู่แล้ว<br>และท่าอากาศยานเหล่านี้ยังใช้ประโยชน์ไม่เต็มขีดความสามารถ<p> ดังนั้น หากจะพัฒนาท่าอากาศยานฝูงบิน 237 ขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง<br>อาจทำให้เกิดปัญหากับท่าอากาศยานฝูงบิน 237 เอง<br>และท่าอากาศยานที่มีอยู่เดิมบริเวณใกล้เคียงใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มขีดความ<br>สามารถ และนำไปสู่ปัญหาการขาดทุนเหมือนที่เกิดขึ้นกับท่าอากาศยานภูมิภาคจำนวนกว่า<br>20 แห่งทั่วประเทศ<p> ทั้งนี้ การลงทุนในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานแห่งใหม่<br>ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง<br>อาจไม่สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศและโลกที่ยังชะลอตัว<br>จึงต้องมีการระดมความเห็นพิจารณาถึงความจำเป็นอย่างรอบด้านอีกหลายครั้ง<br>โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าต่อการลงทุน<br>และประโยชน์ในภาพรวมที่จะเกิดขึ้นกับผู้มีส่วนได้เสีย และสังคม ประเทศ<br>โดยรวม<p><br><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000081198">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000081198</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-33939340129283441222009-07-17T17:19:00.000+07:002009-07-17T21:54:51.569+07:00สินค้าลิขสิทธิ์เถื่อนเกลื่อนตลาดภาคอีสาน ขอนแก่นออเดอร์กระฉูดโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กรกฎาคม 2552 15:55 น.<br> ศูนย์ข่าวขอนแก่น - กรมทรัพย์สินทางปัญญา<br>สั่งเช็กบิลพื้นที่สีเหลืองเขตภาคอีสาน<br>หลังพบออเดอร์สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ขยายตัวเพิ่ม โดยเฉพาะ จ.ขอนแก่น<br>มีปัญหามากกว่าพื้นที่อื่น ล่าสุด ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ<br>หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง<br>รวมพลังกวาดล้างสินค้าเถื่อนหวังให้สิ้นซาก<p> นางปัจฉิมา ธนสันติ รองอธิบดีกรมทรพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า<br>ปัจจุบันสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีการลักลอบผลิตเพิ่มมากขึ้นทุกปี<br>สาเหตุอันเนื่องมาจากสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ทำได้ง่าย<br>แต่ได้ผลลัพธ์ด้านกำไรกลับมาเป็นเงินจำนวนมหาศาล<br>โดยปีที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้ที่มีสินค้าละเมิดสิทธิ์ไว้ในครบครองกว่า<br>500 ราย คิดเป็นเม็ดเงินสะพัดในตลาดมากกว่า 1,500 ล้านบาท<p> พื้นที่อันตราย หรือ พื้นที่สีเหลือง ที่พบจะมี 6 จังหวัด 19 จุด<br>ประกอบด้วย จ.กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี จ.นครราชสีมา จ.ขอนแก่น<br>และ จ.ราชบุรี ส่่วนใหญ่แหล่งผลิตจะอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน<br>ขณะที่แหล่งผลิตใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร<p> ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า<br>สำหรับการละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าทางปัญญาในพื้นที่อีสานนั้น<br>ตำรวจสามารถขยายผล และพบว่า จังหวัดขอนแก่น มีการสั่งออเดอร์มากที่สุด<br>นับเป็นพื้นที่สีเหลืองที่จำเป็นต้องกวาดล้างให้เร็วที่สุด<br>โดยมีมาตรการที่สำคัญ คือ การควบคุมการนำเข้าเครื่องจักรผลิตซีีดี<br>ควบคุมการผลิตซีดี ควบคุมการค้าปลีก ควบคุมการนำเข้าและส่งออก<br>รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ<br>ในการลงทุน<p> ล่าสุด กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ<br>,หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวของ<br>ลงพื้นที่ภาคอีสานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ<br>เรื่องการป้องกันและปราบปรามการละเมิทรัพย์สินทางปัญญา<p> การจัดสัมมนาในครั้งนีมีวัตถุประสงค์<br>เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 4<br>ให้มีความเข้าใจในนโยบายของรัฐบาล กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ<br>และปฏิบัติในการดำเนินคคีเพื่อให้การปฏิบัตงานเป็นไปโดยถูกต้องและเป็นธรรม<br>และเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล<br>ในการปกป้องคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและต่อเนื่องโดยบังคับใช้<br>กฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับอย่างเคร่งครัด อาทิ กฎหมายว่าด้วยศุลกากร<br>กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร และกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวิดีทัศน์<br>ซึ่งเชื่อว่าการสัมนาครั้งนี้จะส่วนในการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย<br>ให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-27991328520619668632009-07-17T17:18:00.000+07:002009-07-17T23:21:31.106+07:00"เอเจล" รุกกิจกรรมภูธรเปิด "เติมท้องให้น้องอิ่ม" ยั่งยืน ร.ร.ห่างไกลโคราชโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กรกฎาคม 2552 16:36 น.<br>ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- "เอเจล" รุกกิจกรรมภูธรเปิดโครงการ<br>"เติมท้องให้น้องอิ่ม" อาหารกลางวันแบบยั่งยืน ที่โรงเรียนวังโรงใหญ่<br>อ.สีคิ้ว โคราช มุ่งหวังปลูกฝังการให้แบบยั่งยืน<br>ด้วยวิถีชีวิตแบบพอเพียงและให้โอกาสเด็กเยาวชน-ชุมชนในชนบทห่างไกลมีคุณภาพ<br>ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมมอบทุนการศึกษากว่า 1.3 แสนบาท<p> วันนี้ (16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า<br>ที่โรงเรียนบ้านวังโรงใหญ่สามัคคี ต.วังโรงใหญ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา<br>นายประหยัด เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา<br>เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ "เติมท้องให้น้องอิ่มกับ เอเจลแคร์"<br>โดยมีนายเกล็น เจนเซ่น ผู้ก่อตั้งบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร<br>บริษัท เอเจล เอ็นเตอร์ไพรส์ แอล แอล ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา<br>ในฐานะผู้ก่อตั้ง มูลนิธิเอเจล แคร์ และคณะผู้บริหารบริษัท เอเจล<br>เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งเหล่าอาสาสมัครเอเจล แคร์<br>คณะครู และนักเรียนโรงวังโรงใหญ่สามัคคี เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก<p> นายชัยวัฒน์ ชัยจินดาวัธน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเจล<br>เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการโครงการเอเจลแคร์<br>กล่าวว่า โครงการ เอเจล แคร์<br>เป็นกิจกรรมที่บริษัทจัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนในชุมชนห่างไกลให้ได้รับโอกาส<br>ที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น<br>โดยได้จัดโครงการอาหารกลางวันแบบยั่งยืนให้เกิดขึ้นในโรงเรียน<br>และให้ความรู้ความเข้าใจแก่เด็กและเยาวชนรวมถึงคนในชุมชน<br>เรื่องการทำเกษตรแบบพอเพียง การโภชนาการและสุขภาพอนามัยที่ถูกต้อง<p> กิจกรรมในโครงการ "เติมท้องให้น้องอิ่ม"<br>ที่โรงเรียนวังโรงใหญ่สามัคคี ประกอบด้วย การปล่อยพันธุ์ปลาจำนวน 10,000<br>ตัว, การปลูกไม้ผลและพืชผักสวนครัว,<br>การมอบกิจกรรมประปาโรงเรียนและการส่งมอบกิจกรรมงานอาชีพ (การตัดผมชาย)<br>ให้แก่ทางโรงเรียน และการมอบทุนการศึกษาโดย นายเกล็น เจนเซ่น จำนวน<br>135,000 บาท ให้แก่ทางโรงเรียนด้วย<p> "ขณะเดียวกัน<br>ทางโครงการยังได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกมาให้บริการกับประชาชนในชุมชน<br>เพื่อจะได้ตรวจสุขภาพอนามัย และรักษาอาการเจ็บป่วยให้ด้วย" นายชัยวัฒน์<br>กล่าว<p> นายชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า เอเจล แคร์ ได้ดำเนินโครงการ<br>"เติมท้องให้น้องอิ่ม" กับโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศจำนวน 5 แห่ง แล้ว<br>และจะขยายเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เด็กและเยาวชนในโรงเรียนต่างๆ<br>ที่อยู่ชนบทห่างไกลได้รับโอกาสที่ดี<br>ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการยั่นยืนโรงเรียนสามารถบริหารจัดการต่อไปได้<br>โดยมีคณะทำงานของโครงการเอเจลแคร์<br>ออกมาติดตามความคืบหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง และไม่ทอดทิ้ง<p> สำหรับโครงการเอเจล แคร์ ก่อตั้งขึ้น<br>เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกให้สมาชิกของโครงการและบุคคลทั่วไป<br>โดยเฉพาะกับผู้ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีความตระหนักถึงการคืนสิ่งดี<br>ๆ สู่สังคมด้วยวิธีการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้เดือดร้อน<br>และผู้เจ็บป่วยในสังคมไทย<br>ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนให้มีความรู้ด้วยโภชนาการอย่างถูกต้อง<br>รวมถึงการดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี โดยโครงการที่เริ่มดำเนินการแล้ว เช่น<br>โครงการสานฟันเพื่อน้อง, แบ่งสันปันสุขสู่โรงเรียนน้อง,<br>เติมไออุ่นให้น้อง, มอบทุนการศึกษาสร้างอนาคตสร้างปัญญา และ<br>โครงการมอบความสุขสู่น้อง ด้วยการบริจาคหนังสืออุปกรณ์การเรียน<p> "โดยแต่ละโครงการที่จัดขึ้นเพื่อมุ่งเน้นการเสริมสร้างโอกาสเพื่อ<br>พัฒนาศักยภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของเด็กในสังคมไทย" นายชัยวัฒน์<br>กล่าว<p><br><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000080512">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000080512</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-73918103115653733442009-07-16T17:11:00.001+07:002009-07-16T17:11:02.633+07:00นครขอนแก่นแจกหน้ากากอนามัยครู-นร.-ชุมชนป้องกันหวัดมรณะโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กรกฎาคม 2552 12:57 น.<br> ศูนย์ข่าวขอนแก่น -<br>จังหวัดขอนแก่นจัดกิจกรรมรรงค์ทำความสะอาดโรงรียนป้องกันการแพร่ะบาดโรคไข้<br>หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ในหลายโรงเรียน<br>ขณะที่เทศบานครขอนแก่นเหมาซื้อหน้ากากอนามัยแจกครูันักเรียนและชาวชุมชนใน<br>เขตเทศบาลกว่า 100,000 ชิ้น<p> นายอนุูล ตังคณานุกูลชัย รองผู้ว่าาชการจังหวัดขอนแก่น<br>นำคณะผู้บริหารเทศบาลนครขอนแก่น<br>เปิดงานรณรงค์ทำความสะอาดโรงเรียนเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่<br>2009 ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองใหญ่ ต.ในเมือ อ.เมือง จ.ขอนแก่น<br>โดยมีนักเรียน ผู้นำชุมน และชาวชุมชนเทศบาลบ้านหนองใหญ่ร่วมกิจกรรมด้วย<p> นายจุลนพ ทองโสภิต รองนายกเศมนตรี ฝ่ายสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม<br>กล่วว่า ทางเทศบาลนครขอแก่น ได้นำรถดับเพลิงมาฉีดน้ำชะล้างทำความสะอาดถนน<br>อาคารเรียนและโรงอาหารเพื่อทำความสะอาด<br>พร้อมกับให้นักเรียนมีส่วนร่วมได้ช่วยกันเช็ดถูโต๊ะเก้าอี้นักเรียน<br>เป็นการป้องกันการแพร่กระจายของโรค<p> พร้อมกันนี้ สำนักงานรสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลครขอนแก่น<br>ยังได้จัดซื้อหน้ากากอนามัยแบบผ้าที่ใช้แล้วสามารถนำไปซักเพื่อนำกลับมาใช้<br>ใหม่ได้อีก จำนวนกว่า 100,000 ชิ้น เพื่อมอบให้นักเรียน ครู และชาวชุมชน<br>ซึ่งเป็นประชากรของเทศบาลนครขอนแก่นคนละ 1 ชิ้น<br>พร้อมขอความร่วมมือผู้ปกครองดูแลตัวเองและบุตรหลานอย่างใกล้ชิด<br>ให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่มาโรงเรียน และไปตามที่ชุมชน ร้านค้า<br>ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น<p> สำหรับ กิจกรรมรณรงค์ทำความสะอาดโรงเรียนครั้งนี้จังหวัดขอนแก่น<br>โดยนายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น<br>ได้ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ว่าราชการจังหวัด<br>เปิดโครงการรณรงค์ป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009<br>โดยรณรงค์ให้โรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดขอนแก่น ทำความสะอาดโรงเรียนตนเอง<br>และกำชับนักเรียนรักษาสุขภาพ สวมหน้ากากอนามัย กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง<br>หากมีอาการปวย มีไข้ ให้รีบพบแพทย์เป็นการด่วนfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-46595195219705655342009-07-16T17:04:00.001+07:002009-07-16T17:04:01.852+07:00หวัด 2009 ทำคอนเสิร์ตการกุศลวันศรีนครินทร์ เลื่อนไม่มีกำหนดโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กรกฎาคม 2552 16:43 น.<br> ศูนย์ข่าวขอนแก่น - หวัด 2009 ระบาดในพื้นที่เมืองหมอแคน<br>กระทบแผนจัดคอนเสิร์ตวันศรีนครินทร์ ต้องเลื่อนไม่มีกำหนด<br>ป้องกันการแพร่ระบาด ส่วนคอนเสิร์ตธารน้ำใจผู้ไร้กล่องเสียง<br>ต้องรอการสั่งการของภาครัฐ ด้านสถานการณ์ผู้ป่วยหวัด 2009<br>มีผู้ป่วยทั้งหมด 346 ราย ต้องนอนพักรักษาตัวโรงพยาบาบ 39 ราย<br>ในจำนวนมีเข้าขั้นโคม่า 1 ราย<p> จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009<br>ที่ระบาดไปทั่วประเทศ ส่งผลกระทบต่อการจัดกิจกรรมต่างๆ<br>ต้องระงับไว้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรค เช่นเดียวกับที่จังหวัดขอนแก่น<br>ที่มีกำหนดจัดคอนเสิร์การกุศลเพื่อวันศรีนครินทร์ กำหนดจัดขึ้นในวันที่<br>25 ก.ค.นี้ โดยสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ขอนแก่น และสโมสรนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์<br>มหาวิทยาลัยขอนแก่น ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด<p> พญ.โฉมพิลาศ จงสมชัย ผู้ช่วยคณบดี ฝ่ายพัฒนานักศึกษา<br>คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในฐานะประธานจัดงานคอนเสิร์ตการกุศล<br>เพื่อวันศรีนครินทร์ เปิดเผยว่า การจัดงานวันศรีนครินทร์ วันที่ 18<br>ก.ค.ยังคงจัดเหมือนเดิม แต่คอนเสิร์ตต้องเลื่อนไปไม่มีกำหนด<br>แม้ว่าขณะนี้มียอดจองบัตรคอนเสิร์ตแล้วกว่าร้อยละ 50<br>แต่เพื่อวามปลอดภัยของผู้ชม และศิลปิน จึงต้องเลื่อนการจัดคอนเสิร์ตออกไป<p> การจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ ได้เชิญศิลปินชื่อดัง "โต๋" ศักดิ์สิทธิ์<br>เวชสุภาพร พร้อมศิลปินรับเชิญ ได้แก่ "แก้ม" เดอะสตาร์<br>ที่ล่าสุดป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 เช่นกัน<br>ขณะนี้อยู่ระหว่างการพักรักษาตัว<p> ทั้งนี้ หากมีการติดเชื้อขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการเรียนของนักเรียน<br>นักศึกษาที่เป็นกลุ่มแฟนคลับของโต๋ อีกทั้งผู้จัดงานเป็นองค์กรแพทย์<br>จึงอยากให้ทุกคนตระหนักว่าการรู้เท่าทันและป้องกันโรคเป็นแนวทางป้องกันการ<br>แพร่ระบาดได้ดีที่สุด ส่วนตั๋วคอนเสิร์ตจะเปิดให้คืนตั๋วในระหว่างวันที่<br>20-31 ก.ค.นี้ ที่ประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น<p> ขณะเดียวกัน ผศ.นพ.ภัทรวุฒิ วัฒนศัพท์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์<br>มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ รศ.ดร.เบญจมาศ พระธานี<br>ในฐานะประธานการจัดงานคอนเสิร์ตการกุศล "ธารน้ำใจ แค่ผู้ไร้กล่องเสียง"<br>ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมนี้<br>เพื่อหาทุนช่วยเหลือผู้ป่วยไร้กล่องเสียงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>เปิดเผยว่า ต้องดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่<br>2009 และการสั่งการของรัฐบาล<br>เพื่อกำหนว่าจะมีการเลื่อนการจัดงานออกไปหรือไม่<p> สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009<br>ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล<br>รองนายแพทย์สาธารณสุขังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมด<br>346 ราย เป็นผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวัง นอนพักรักษาตัวยู่ที่โรงพยาบาล<br>ทั้งสิ้น 39 รายมีผู้ป่วยที่มีอาการน่าห่วงมากที่สุด 1 ราย เป็นชายชาว<br>จ.ขอนแก่น<p> ขณะนี้กำลังนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศรีนครินทร์<br>แพทย์ต้งเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด<br>เนื่องจากผู้ป่วยอาการหนักมีโรคแทรกซ้อนแล้วเกิดอาการปอดบวมอย่างรวดเร็ว<br>และปอดติเชื้อรุนแรง ประกอบกับอยู่ในกลุ่มเสี่ยงมีน้ำหนักตัวมากถึง 150<br>กิโลกรัม<p> ส่วนกรณีเด็กนักเรียนในเขต อ.เมือง จ.ขอนแก่น ที่ป่วยเป็นไข้หวัด<br>2009 จำนวน 5 ราย ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น<br>จนต้องมีการปิดโรงเรียนในเขตเทศบาลนครขอนแก่นถึง 3 แห่ง<br>ขณะนี้มีอาการดีขึ้นแล้ว แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-57700586073497023962009-07-15T16:45:00.001+07:002009-07-15T16:45:41.719+07:00โชวห่วย 3 จว.อีสานรวมพลังต้านเทสโก้โลตัสศูนย์ข่าวขอนแก่น- โชวห่วย 3 จังหวัด ขอนแก่น อุดรธานี ชัยภูมิ<br>รวมพลังสร้างเครือข่ายไม่เอา "เทสโก้ โลตัส" หลังถูกทุนข้ามชาติ<br>รุกหนักใช้ "โลตัส เอ็กซ์เพรส"<br>แชร์ตลาดค้าปลีกผุดสาขาขนาดเล็กในย่านชุมชนหลายอำเภอ<br>ระบุทุนท้องถิ่นเสียเปรียบทุกมิติ ทั้งขอความเห็นใจจากสังคม<br>ชี้วางมาตรการต้านยื่นหนังสือค้านต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br>ควบคู่ทำความเข้าใจกับประชาชนและผู้ค้าย่อยในพื้นที่<br>ถึงที่สุดต้องรวมตัวยื่นหนังสือถึงพ่อเมือง<br>ขอความเป็นธรรมยับยั้งห้างต่างชาติจนกว่าจะมี พ.ร.บ.ค้าปลีก<br>กำกับการแข่งขัน<p> พลันที่ห้างเทสโก้ โลตัส รุกหนักขยายสาขาสู่ต่างจังหวัด<br>แม้จะถูกคัดค้านจากผู้ประกอบการในพื้นที่ และถูกกฎหมายผังเมืองควบคุม<br>ขนาดธุรกิจเอาไว้ แต่เทสโก้ โลตัส ไม่ได้ละความพยายาม<br>ปรับกลยุทธ์ลดขนาดธุรกิจลงให้สอดคล้องกับกฎหมายผังเมือง<br>ให้มีพื้นที่ขายไม่เกิน 300 ตารางเมตร เปิดสาขาย่อยในย่านชุมชน<br>จนเกิดกระแสต่อต้านทุนค้าปลีกข้ามชาติรายใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง<p> โดยเฉพาะกรณีปัญหาที่ จ.ขอนแก่น เทสโก้ โลตัส<br>ได้ยื่นหนังสือขออนุญาตเปิดห้าง ในระยะเวลาไล่เลี่ยกันในหลายพื้นที่<br>ทั้งอำเภอเมืองหลายสาขา อ.ภูเวียง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น<br>รวมถึงอำเภออื่นก็มีกระแสข่าวจะขออนุญาตปรับพื้นที่เปิดห้างเทสโก้ โลตัส<br>ขนาดเล็ก แต่ยังไม่ดำเนินการขออนุญาตจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br>จึงเกิดกระแสคัดค้านการเปิดห้างเทสโก้ โลตัสขึ้นในพื้นที่อย่างเข้มข้น<p> ล่าสุด เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ ประกอบการค้าปลีก (โชวห่วย)<br>ได้หารือกันถึงสถานการณ์ปัญหา ที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น โดยมีร้านโชวห่วย<br>จาก 10 อำเภอ 3 จังหวัด ประกอบด้วย อ.เมือง อ.ชุมแพ อ.บ้านไผ่<br>อ.หนองสองห้อง อ.ภูเวียง อ.พล จ.ขอนแก่น อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ อ.โนนสะอาด<br>อ.ศรีธาตุ และอ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี<br>ร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานและหาแนวทางการต่อต้านห้างเทสโก้ โลตัส<p><br> นาย นริศ จรรยานิทัศน์ ผู้ประกอบการค้าปลีกจาก อ.บ้านไผ่<br>ในฐานะเลขาธิการชมรมผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบอาชีพอิสระจังหวัดขอนแก่น<br>เปิดเผยว่า ร้านโชวห่วยทั้ง 3 จังหวัด<br>มีความเห็นร่วมกันที่จะสร้างเครือข่ายต่อต้านห้างเทสโก้ โลตัส<br>ทุนค้าปลีกข้ามชาติรายใหญ่ รุกคืบใช้ความได้เปรียบในช่วงที่ไม่มี<br>กฎหมายค้าปลีกเข้ามากำกับการแข่งขัน<br>รุกเปิดสาขาขนาดเล็กในพื้นที่ขายไม่เกิน 300 ตารางเมตรในหลายอำเภอ<p> การเปิดเทสโก้ โลตัส ในท้องถิ่น เป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม<br>เทสโก้ โลตัส ได้เปรียบร้านโชวห่วยทุกมิติ ทั้ง สายป่านธุรกิจ<br>การบริหารจัดการ อำนาจการต่อรอง รูปแบบธุรกิจ กลยุทธ์ด้านราคา ฯลฯ<br>การเปิดห้างโลตัสจะทำให้ผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่นั้น<br>ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จนต้องปิดกิจการลงในที่สุด<p> "ผู้ค้ารายย่อยไม่ปฏิเสธว่าการเปิดห้างเทสโก้ โลตัส<br>ส่วนหนึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้ประโยชน์ซื้อสินค้าในราคาต่ำกว่าร้านโชว<br>ห่วยทั่วไป แต่หากมองผลกระทบระยะยาว เมื่อกิจการรายย่อย<br>ต้องล้มหายไปจากระบบ จะมีผู้กำหนดราคาเพียงไม่กี่ราย กุมอำนาจทางการค้า<br>สามารถกำหนดราคา ตักตวงผลประโยชน์ลักษณะใดก็ได้" นายนริศกล่าวและว่า<p> ประเด็น ปัญหาดังกล่าว<br>ร้านโชวห่วยทุกอำเภอจะตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อทำความเข้าใจถึงปัญหาผล<br>กระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ค้ารายย่อยให้ครอบคลุมทุกกิจการ<br>พร้อมกับเร่งทำความเข้าใจแก่ประชาชนรายย่อยที่ต้องการให้เทสโก้<br>โลตัสเปิดห้าง ให้รับทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น<br>โดยเฉพาะผลกระทบระยะยาวที่มีค้าปลีกรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย<br>กุมอำนาจค้าปลีกในพื้นที่<p> ควบคู่กับมาตรการคัดค้าน โดยร้านโชวห่วยแต่ละพื้นที่จะร่วมกัน<br>ทำหนังสือยับยั้งการขออนุญาตปรับพื้นที่ของเทสโก้ โลตัส<br>แก่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าของพื้นที่ เช่น<br>นายกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือนายกเทศมนตรีแต่ละแห่ง<br>รวมถึงยื่นหนังสือคัดค้านไปยังนายอำเภอเจ้าของพื้นที่ด้วย<br>ล่าสุดดำเนินการไปแล้วประกอบด้วย อ.น้ำพอง อ.หนองสองห้อง อ.พล อ.ภูเขียว<br>ส่วนอำเภออื่นที่ยังไม่มีการยื่นขออนุญาต<br>จะเฝ้าระวังกับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด<p> นายนริศกล่าวต่อว่า การ รุกของห้างเทสโก้ โลตัส<br>ส่งผลกระทบกับประชาชนอย่างรุนแรง<br>เป็นปัญหาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเข้ามาดูแลให้เกิดความเป็นธรรม<br>โดยร้านโชวห่วยทุกอำเภอที่ได้รับความเดือดร้อน<br>จะรวมตัวกันหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น<br>เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น<br>ให้เข้ามาดูแลปัญหาความเดือดร้อนของกิจการโชวห่วยในพื้นที่ปกครองของตนเอง<p> โดยเฉพาะประเด็นการเร่งเปิดห้างโลตัส เอ็กซ์เพรส<br>ในช่วงที่ยังไม่มี พ.ร.บ.ค้าปลีกออกมากำกับดูแล<br>ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อกิจการรายย่อยในท้องถิ่น<br>จะเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น<br>และจังหวัดอื่นที่ได้รับความเดือดร้อน<br>ให้ใช้อำนาจยับยั้งการเปิดห้างไว้ก่อน จนกว่าจะมี<br>พ.ร.บ.ค้าปลีกออกมากำกับการแข่งขัน<p> สำหรับกระแสการเปิดห้างโลตัส เอ็กซ์เพรส<br>เฉพาะในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น มีกระแสข่าวว่าจะเปิดไม่ต่ำกว่า 10 สาขา<br>ตามย่านชุมชนขนาดใหญ่ และที่ชัดเจนที่ได้ปรับปรุงพื้นที่ไปแล้วคือ<br>บริเวณชุมชนตลาดหนองใหญ่ และย่านชุมชนสามแยกบ้านดอน<br>ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น รวมถึงการขออนุญาตปรับพื้นที่ใน อ.ภูเวียง<br>อ.หนองสองห้อง และอ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น<p> ทั้งที่มีสาขาหลักเต็มรูปแบบ 1 สาขา บนถนนมิตรภาพ อ.เมือง<br>จ.ขอนแก่น และตลาดสดเทสโก้ โลตัส ที่เปิดดำเนินการไปแล้ว<br>ภายในห้างสรรพสินค้าแฟรี่พลาซ่า ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และตลาดสดโลตัส<br>อ.พล จ.ขอนแก่น<p><br><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079745">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079745</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-5995932818392277132009-07-14T16:44:00.001+07:002009-07-14T16:44:46.676+07:00กวดวิชาขอนแก่นปิดยาว 2 สัปดาห์หลายเสียงไม่เชื่อตัดวงจรหวัดใหญ่ฯ ได้ศูนย์ข่าวขอนแก่น - หลังรัฐบาลประกาศปิดโรงเรียนกวดวิชายาวเริ่ม 13-27<br>ก.ค. ล่าสุดสถาบันกวดวิชาหลายแห่งในจังหวัดขอนแก่น<br>ได้ปิดการเรียนการสอนตามคำสั่ง<br>โดยบางแห่งถือโอกาสปิดต่อเนื่องวันหยุดเข้าพรรษา<br>พ่อค้าแม่ค้าขายของหน้ากวดวิชากระทบขาดรายได้ 2 สัปดาห์<p> ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถาบันกวดวิชาในจังหวัดขอนแก่น ราว 20<br>แห่ง ได้ปิดประกาศปิดการเรียนการสอนยาว 2 สัปดาห์<br>ตามที่รัฐบาลได้มีคำสั่งก่อนหน้านี้ให้ปิดสถาบันกวดวิชาทั่วประเทศ<br>ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งสำคัญในการแพร่กระจายเชื้อโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่<br>2009 แม้ว่าจะมีหลายเสียงออกมาคัดค้าน<br>เนื่องจากไม่เชื่อว่าการปิดโรงเรียนกวดวิชา จะเป็นการตัดวงจรของโรคได้<br>ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด<br>ทำให้นักเรียนจำนวนมากที่ต้องพึ่งสถาบันกวดวิชาติวในช่วงใกล้สอบเก็บคะแนน<br>กลางภาค ต้องประสบปัญหาเดือดร้อน<br>นอกจากนี้พ่อค้าแม่ค้าที่เคยนำรถเข็นขายของ อาทิ ลูกชิ้น<br>ผลไม้และขนมทั่วไป มาขายหน้าสถาบันกวดวิชา<br>ได้รับความเดือดร้อนต้องหยุดขายของชั่วคราวเช่นกัน<br>จนกว่าโรงเรียนจะเปิดในวันที่ 28 หรือ บางแห่งกำหนดเปิดวันที่ 29<br>ก.ค.ทำให้ต้องขาดรายได้ไปถึง 2 สัปดาห์<p> สำหรับสถาบันกวดวิชาในจังหวัดขอนแก่น มีทั้งติวเฉพาะรายวิชา อาทิ<br>คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เคมี และฟิสิกส์ เป็นต้น<br>นอกจากนี้ยังมีสถาบันติวเพื่อสอบเข้า ทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา<br>และระดับอุดมศึกษามีทั้งเป็นของท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง<br>และเป็นสาขาของสถาบันกวดวิชารายใหญ่จากกรุงเทพฯ รวมกว่า 20 แห่ง<p> โดย บางแห่งได้ถือโอกาสปิดการเรียนการสอนต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงวันหยุดอาสาฬหบูชา<br>และวันเข้าพรรษา โดยปิดโรงเรียนยาวระหว่างวันที่ 9-28 ก.ค.52 รวม 20 วัน<p><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000078949">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000078949</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-75628904164176607482009-07-14T16:31:00.001+07:002009-07-14T16:31:15.735+07:00ซื้อขายพันธบัตรไทยเข้มแข็งที่ขอนแก่นวันแรกไม่คึกศูนย์ข่าวขอนแก่น -<br>บรรยากาศซื้อขายพันธบัตรไทยเข็มแข็งวันแรกสำหรับผู้สูงอายุ<br>ที่จังหวัดขอนแก่น ไม่คึกคักจากความไม่สะดวกในการเดินทางของผู้สูงอายุ<br>ด้านแบงก์พาณิชย์เผยการเปิดจำหน่ายวันแรกเป็นไปอย่างราบรื่น<br>คาดในการจำหน่ายรอบที่ 2 สำหรับประชาชนทั่วไปน่าจะคึกคักขึ้น<p> ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการซื้อขายพันธบัตรไทยเข้มแข็งตามธนาคาร<br>พาณิชย์หลายแห่งในจังหวัดขอนแก่นตั้งแต่เช้าวันนี้ (13 ก.ค.)<br>มีผู้สูงอายุตลอดจนญาติที่นำเอกสารมาดำเนินการแทน<br>เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนหนึ่งไม่สะดวกในการเดินทางมาซื้อพันธบัตรไทยเข้ม<br>แข็ง ซึ่งวันนี้จำหน่ายเป็นรอบสำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป<br>ไม่คึกคักมากนัก<p> นางพัชราภรณ์ ทับทิม ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนประชาสโมสร<br>จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่ามีผู้สูงอายุเดินทางมาเพื่อซื้อพันธบัตรตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง<br>วันนี้ ราว 10-20 ราย ซึ่งส่วนใหญ่จะมีบุตรหลานมาด้วย<br>ขณะที่บางคนจะมาแทนคุณตาคุณยาย เนื่องจากอายุมาก เดินทางไม่สะดวก<br>ซึ่งที่ธนาคารกรุงเทพไม่มีปัญหาใดๆ การเปิดจำหน่ายเป็นไปอย่างราบรื่น<br>เนื่องจากทางธนาคารได้มีการแนะนำลูกค้าที่มาใช้บริการก่อนหน้านี้<br>ทั้งลูกค้าผู้สูงอายุและลูกค้าที่มีญาติผู้สูงอายุ<br>ที่สนใจจะซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็งไว้<p> โดยได้แนะนำถึงวิธีการและขั้นตอน ตลอดจนการเตรียมเอกสาร<br>ทำให้เมื่อถึงเวลาเปิดจำหน่ายจริง จึงสะดวกรวดเร็วสำหรับลูกค้า<p> อย่างไรก็ตาม<br>ยืนยันได้ว่าผู้ซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็งในรอบนี้ไม่มีลูกค้ารายใหญ่แต่อย่าง<br>ใด โดยส่วนมากจะเป็นข้าราชการบำนาญ และผู้สูงอายุที่มีเงินเก็บบ้าง<br>ซึ่งคาดว่าในการเปิดจำหน่ายพันธบัตรรอบที่ 2<br>สำหรับประชาชนทั่วไปและผู้มีสิทธิ์ซื้อ วันที่ 15<br>ก.ค.นี้น่าจะคึกคักยิ่งขึ้นfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-32900303769859820522009-07-11T00:45:00.001+07:002009-07-11T00:45:14.057+07:00เลิกเหล้า! เปลี่ยนชีวิต "ลุงพล" กลายเป็นนักรณรงค์เลิกเหล้าแห่งเมืองหมอแคนศูนย์ข่าวขอนแก่น - "ลุงพล" ชาวขอนแก่น จากนักดื่มเหล้าตัวพ่อมาร่วม 30<br>ปี ณ วันนี้กลายเป็นนักรณรงค์เลิกดื่มเหล้าในชุดยมทูตเตือนใจขี่<br>จยย.ไปทั่วเมืองหมอแคน<br>หลังเข้าร่วมโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาเมื่อหลายปีก่อน<br>เผยอดีตดื่มเหล้าหนักทุกวันทำให้สุขภาพแย่จนต้องออกจากงาน<br>แต่หลังเลิกเด็ดขาดมีเงินหยอดกระปุกทุกวัน<p> จาก โครงการรณรงค์ให้ช่วงเทศกาลเข้าพรรษา<br>เป็นช่วงเวลาของการงดเหล้า หรือ "งดเหล้าเข้าพรรษา"<br>ทำให้มีผู้ที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์หลายคนได้หยุดดื่มชั่วคราวเพื่อเข้าร่วม<br>โครงการ เช่นเดียวกับ คุณลุงพล บุญสา วัย 65 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น<br>ได้พลิกผันชีวิตตัวเองจากที่เป็นนักดื่มตัวยงมาตลอดกว่า 30 ปี<br>เมื่อเข้าโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาเมื่อปี 2548<br>จากวันนั้นจึงตัดสินใจหันหลังให้เหล้าเด็ดขาด<p> ทั้งยังได้ผันตัวเองมาเป็นนักรณรงค์ให้คนเลิกเหล้า<br>โดยเลือกสวมชุดยมทูตออกรณรงค์เชิญชวนให้คนงดเหล้า<br>จนได้รับรางวัลนักรณรงค์งดเหล้าดีเด่นฉายา "ยมทูตเตือนใจ"<p> "ทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ"<br>ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณลุงพลในช่วงก่อนวันเข้าพรรษาที่ผ่านภาพแรกที่เห็นคือ<br>ลุงพล มูลสาร ในวัย 65 ปี ชาว ต.พระลับ จ.ขอนแก่น<br>กำลังจุดธูปและกล่าวอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์<br>ขอสวมชุดยมทูตเพื่อเป็นตัวแทนในการเตือนสติเพื่อนบ้านในชุมชน<br>ขณะทำหน้าที่รณรงค์ให้คนเลิกดื่มเหล้า ภาพแบบนี้กลายเป็นกิจวัตรของลุงพล<p> โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ<br>หลังตัดสินใจหันหลังให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด<br>ตั้งแต่เข้าร่วมโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2548<br>และมุมานะเลิกเหล้าเด็ดขาดในปี 2549<p> ลุง พลเล่าความหลังให้ฟังว่า<br>เคยทำงานรับจ้างก่อสร้างและดื่มสุราหนักเป็นประจำวันหลังเลิกงาน<br>ตั้งแต่อายุ 30 ปีเศษ จนเมื่ออายุมากขึ้น<br>สุขภาพไม่ค่อยดีก็เลิกทำงานเพราะทำไม่ไหว อีกทั้งลูก 3<br>คนมีงานทำและแยกครอบครัวไป โดยภรรยาย้ายไปอยู่กับลูกเพื่อช่วยเลี้ยงหลาน<p> ลุงพลจึงมีเวลาว่างไปร่วมกิจกรรมในชุมชนมากขึ้น<br>จนเมื่อคุณหมอจากสมาคมหมออนามัยมาชวนเข้าโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาจึงเข้า<br>ร่วมโครงการด้วย<br>การตัดสินใจครั้งนั้นนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงแนวทางการใช้ชีวิต<br>ในที่สุดก็สามารถเลิกเหล้าได้เด็ดขาด<p> "ชีวิต ดีขึ้นมาก สุขภาพไม่ถูกบั่นทอนด้วยเหล้า<br>แต่ก่อนกินเหล้าไม่ค่อยได้กินข้าว ร่างกายก็แย่ลงเรื่อยๆ<br>เงินก็ไม่ค่อยมีเก็บ พอตอนนี้เงินไม่ได้เอาไปซื้อเหล้า ก็มีให้เก็บ มี 5<br>บาท 10 บาท ก็หยอดกระปุกไป"<p> ลุงพลเล่าต่อว่า เมื่อสุขภาพดีขึ้นจากการเลิกดื่ม<br>ลุงพลจึงพลิกผันชีวิตตัวเองหันมาเป็นนักรณรงค์งดเหล้า<br>นำเงินเก็บออมมาตัดเย็บชุดยมทูต แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปตาม<br>ถนนในหมู่บ้าน พร้อมร่วมกิจกรรมรณรงค์เมาไม่ขับ<br>ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเตือนใจคนให้รู้สึกกลัวความตายและตระหนักถึงการสูญเสีย<br>หากไม่เลิกดื่ม และเมาแล้วขับ<p> การตระเวนออกไปรณรงค์ให้คนเลิกดื่มเหล้า<br>ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ และเข้าพรรษา มากว่า 3 ปี<br>มีทั้งได้ผลและล้มเหลว แม้จะรู้ถึงโทษภัยจากการดื่มจนขาดสติ<br>แต่คนยังนิยมดื่มกันมากขึ้น<br>ทำให้ลุงพลคิดจะเลิกเป็นนักรณรงค์หลายต่อหลายครั้ง<br>แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะยังเชื่อว่าหากยังมีคนรณรงค์ต่อเนื่อง<br>ก็น่าจะช่วยเตือนสติหมู่นักดื่มได้บ้าง ไม่มากก็น้อย<p> "เรา ไม่ได้บอกให้เลิกเลย ก็ให้ค่อยๆ ลด ลดแล้วก็ละ<br>ละแล้วก็เลิกได้ คนที่เคยกินด้วยกันก็จะพูดว่าเลิกไม่ได้หรอก<br>เลิกแล้วเดี๋ยวมันจะตาย เคยกินมาตั้งนาน ถ้าเลิกไปมันจะตาย<br>ก็บอกว่าก็คนคนนี้ไง กินมาด้วยกันก็เลิกได้ ไม่เห็นตาย ยังอยู่ดี<br>สุขภาพดีขึ้น แถมมีเงินเก็บด้วย"คุณลุงพลเล่า<p> ด้วยความตั้งใจทุ่มเทให้กับการรณรงค์เลิกเหล้า<br>ทำให้คุณลุงพลได้รับใบเกียรติบัตร "นักรณรงค์งดเหล้าดีเด่น<br>หรือยมทูตเตือนใจ" จากศูนย์แก้ไขการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์<br>สมาคมหมอนามัย และเครือข่ายองค์กรงดเหล้ามอบให้<p> ตลอดจนใบเกียรติบัตรอีกหลายใบจากหลายองค์กร<br>เป็นเครื่องการันตีความตั้งใจจริงของชายชราวัย 65 ปีผู้นี้<br>ที่ยังสวมชุดยมทูตออกไปเตือนใจผู้คน<br>พร้อมให้กำลังใจในฐานะคนที่เคยดื่มหนักมาหลายสิบปีว่า<br>"ขอเพียงมีใจมุ่งมั่น และนึกถึงผลดีต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม<br>การเลิกดื่มก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป<p><br><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000077899">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000077899</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-21784347191822361452009-07-11T00:34:00.001+07:002009-07-11T00:34:24.846+07:00สสจ.ขอนแก่นระบุพบผู้ติดเชื้อหวัดใหญ่ 2009 แล้ว 40 ราย ต้องเฝ้าระวังกว่าพันสสจ.ขอนแก่นระบุพบผู้ติดเชื้อหวัดใหญ่ 2009 แล้ว 40 ราย ต้องเฝ้าระวังกว่าพัน<br>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2552 14:52 น.<br> ศูนย์ข่าวขอนแก่น -<br>สสจ.ขอนแก่นเผยพื้นที่ขอนแก่นพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้ว 40 ราย อีก<br>23 รายเป็นผู้ป่วยจากต่างจังหวัดเดินทางเข้ามารับการรักษา<br>ขณะที่ตัวเลขต้องเฝ้าระวังสูงถึง 1,029 ราย อย่างไรก็ตาม<br>ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมป้องกันเต็มรูปแบบพร้อมเร่งให้ความ<br>รู้แก่ประชาชนในการลดความเสี่ยงติดเชื้อ<p> นายวิฑิต สฤษฏีชัยกุล<br>รักษาราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น<br>เปิดเผยถึงสถานการณ์และมาตรการการป้องกันโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009<br>ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นว่า ล่าสุด วันนี้ (9 ก.ค.)<br>พบผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวนทั้งสิ้น 63 ราย<br>เป็นผู้ป่วยที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดขอนแก่น 40 ราย<br>ที่เหลือเป็นผู้ป่วยจากต่างจังหวัด สภาพผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 54 ราย<br>ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 9 ราย<br>ขณะเดียวกันมีผู้ป่วยเข้าข่ายเฝ้าระวัง 1,029 ราย<p> ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น<br>และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้มาตรการดูแลเฝ้าระวังอย่างเต็มรูปแบบทั้ง<br>ด้านการรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรค<br>และเร่งการให้ความรู้แก่ประชาชนในการดูแลรักษาสุขภาพและสุขอนามัย<p> สำหรับการควบคุมป้องกันโรคนั้นได้ดำเนินการเต็มที่เช่นกัน<br>โดยกำหนดให้โรงพยาบาลทุกแห่งจัดระบบบริการ จุดคัดกรองโรค<br>ห้องแยกโรคปลอดเชื้อ สำรองอัตรากำลังแพทย์และพยาบาล<br>และเวชภัณฑ์ยาและวัสดุอุปกรณ์อย่างเพียงพอ ส่วนการป้องกันและควบคุมโรค<br>ได้ขอความร่วมมือไปยังหน่วยงาน สถาบันการศึกษา สถาบันกวดวิชา ร้านค้า<br>แหล่งชุมชนที่มีความเสี่ยงสูง<p> เช่น โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า<br>โดยเฉพาะร้านอินเทอร์เน็ต ร้านเกม ในการรณรงค์ทำความสะอาดสถานที่<br>และข้อปฏิบัติในการป้องกันควบคุมโรค ตลอดจนการงดให้บริการหากมีข้อบ่งชี้<p> ทั้ง นี้ ในช่วงที่มีการระบาดนี้<br>สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นได้ขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง<br>และประชาชนทุกท่าน ในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ<br>โดยเมื่อเริ่มป่วยมีไข้ควรหยุดเรียน หยุดงาน<br>พักผ่อนรักษาตัวจนกว่าจะหายป่วย ขณะที่มีอาการไอจาม<br>มีน้ำมูกหรือเสมหะควรสวมหน้ากากอนามัย การไอ จาม<br>กรณีฉุกเฉินที่ไม่มีหน้ากากอนามัย หรือผ้าเช็ดหน้า<br>อาจใช้แขนหรือคอเสื้อในการปิดปากปิดจมูก เพื่อลดการฟุ้งกระจายของเชื้อโรค<br>หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ<p> โดย เฉพาะหลังไอจาม หลังสั่งหรือเช็ดน้ำมูก ไม่ใช้แก้วน้ำ<br>ผ้าเช็ดหน้า ฯลฯ ปะปนกับผู้อื่น<br>การรับประทานอาหารร่วมกันควรใช้ช้อนกลางหมั่นรักษาร่างกายให้แข็งแรงเสมอ<br>สมบูรณ์ หากผู้ป่วยเป็น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง<br>ต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันทีfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-24146049963508329432009-07-04T17:30:00.001+07:002009-07-04T17:30:19.544+07:00ปิดเรียน! สถานศึกษาหลายแห่งในขอนแก่นตัดวงจรระบาดหวัดใหญ่ 2009โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กรกฎาคม 2552 13:36 น.<br> ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สถาบันการศึกษาในจังหวัดขอนแ่ก่นหลายแห่ง<br>ปิดการเรียนการสอนยาว หลังพบผู้ติดเชื้อหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009<br>เปิดเรียนอีกครั้งในวันที่ 9 กรกฎาคม<br>โดยสาธารณสุขจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง<br>จะได้ออกไปทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันไข้หวัด 2009<p> รายงานข่าวแจ้งว่า<br>ภายหลังผลตรวจนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเตขอนแก่น<br>11 คน ที่ป่วยมีไข้สูง<br>ได้รับการส่งตัวรักษาและเฝ้าระัวังอาการในห้องควบคุมพิเศษโรงพยาบาลสิริธร<br>อ.บ้านแฮด จังหวัดอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2552<br>พบติดเชื้อหวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 นั้น<p> ล่าสุด แพทย์จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น<br>และโรงพยาบาลขอนแก่น<br>จึงได้ร่วมกันตั้งศูนย์คุ้มครองเฝ้าระวังการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์<br>ใหม่ 2009 พร้อมจัดทีมแพย์เฝ้าระวังต้องดูแลพื้นที่การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด<br>และส่งเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อ<br>ทั้งจุดอับแสงตามตัวอาคารและห้องเรียนต่างๆ<br>และที่ที่นักศึกษาต้องอยู่ร่วมกันจำนวนมก เช่น โรงอาหาร หอประชุม เป็นต้น<p> ด้าน นายธวัชชัย สิมา ผู้ช่วยคณบีฝ่ายพัฒนานักศึกษา<br>มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแกน กล่าวว่า<br>ได้สั่งนักศึกษาปี 1<br>และรุ่นพี่ที่คลุกคลีกับรุ่นน้องหยุดเรียนจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม<br>พร้อมปฏิบัติตามคำสังของ สสจ.ขอนแก่นอย่างเคร่งครัด<br>ส่วนนักศึกษาที่ติดเชื้อทั้ง 11 คน<br>ซึ่งพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลสิรินธรขอนแก่น<br>แพทย์ตรวจดูอาการอย่างใกล้ชิด ล่าสุดอาการดีข้น และให้กลับบ้านแล้ว 6 คน<p> ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อหวัด 2009 ใน<br>มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น โรงเรียนอนุบาล<br>และโรงเรียนประถมโดยรอบมหาวิทยาลัยราชมงคล เช่นโรงเรียนพัฒนาเด็ก<br>ตลอดจนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่นมอดินแดง<br>ก็ได้สั่งหยุดการเรียนการสอน ปิดเรียนไปแล้วด้วย<br>ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของเด็ก โดยทาง<br>สสจ.จะส่งเจ้าหน้าที่ไปพ่นยาฆ่าเชื้อ<p> ส่วนโรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาอื่นๆ<br>ในจังหวัดหลายแห่งได้ประสานโรงพยาบาลเอกชน<br>จัดหน่วยแพทย์มาฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดให้แก่นักเรียนด้วยเช่นกัน<p> ทั้งนี้ นพ.วิทิต สฤษฏีชักุล รองนายแพทย์ สสจ.ขอนแก่น<br>เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในเขตพื้นที่<br>จ.ขอนแก่น ว่า สสจ.ขอนแก่น มียาต้านไวรัสอยู่ในพื้นที่จำนวนกว่า 2,000<br>เม็ด ซึ่งดูแลได้ประมาณ 200 คน หากมีการระบาดในพื้นที่<br>จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจและอย่าตื่นตระหนก สสจ.ขอนแก่น<br>ได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และพร้อมรับมือกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่<br>2009 ตลอดเวลาfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-78329403775249757032009-06-28T16:23:00.001+07:002009-06-28T16:23:39.668+07:00บสย.โอ่เดินสายตลาดนัดเงินกู้ฯภาคอีสานสำเร็จ ลั่นเถ้าแก่ SMEs ร่วมกิจกรรมมากกว่า 6,000 รายศูนย์ข่าวขอนแก่น- บสย.โอ่ผลจัดกิจกรรมโรดโชว์ "ตลาดนัดเงินกู้<br>กู้อย่างไรให้ได้เงิน" 9 เวที ครอบคลุม 19<br>จังหวัดภาคอีสานประสบผลสำเร็จเกินคาด ระบุเถ้าแก่ SMEs<br>เข้าร่วมงานมากกว่า 6,000 คน ทั้งที่ประเมินไว้แค่ 2,000 คน<br>เชื่อเป็นกลไกสำคัญ<br>ให้ผู้ประกอบการระดับฐานล่างเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นรูปธรรม<br>มั่นใจกระตุ้นตัวเลข GDP ของประเทศปรับตัวดีขึ้น<p> วันนี้ (26 มิ.ย.) ธนาคารแห่งประเทศไทย<br>สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>ร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จัดงาน<br>"ตลาดนัดเงินกู้ กู้อย่างไรให้ได้เงิน" โดยมีพยัต ชาญประเสริฐ<br>รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน<br>พร้อมด้วยผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัด<br>ใกล้เคียง เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง มากกว่า 600 คน ณ โรงแรมโฆษะ<br>อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น<p> รูปแบบการจัดงาน เป็นจัดสัมมนาให้ความรู้กับผู้ประกอบการรายย่อย<br>ผลักดันให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน ภายใต้รูปแบบตลาดนัดเงินกู้<br>โดยมีสถาบันการเงินชั้นนำกว่า 16 แห่ง อาทิ ธนาคารกรุงไทย,<br>ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฯลฯ<br>มาร่วมเปิดบูธให้คำปรึกษาทางการเงินแก่ผู้สนใจเป็นรายบุคคล<br>พร้อมรับคำขอกู้เงินจากผู้ประกอบการ SMEs ภายในงาน<br>พร้อมให้คำตอบเบื้องต้นในการขอกู้เงิน<p> โดยเฉพาะการชี้แจงหลักเกณฑ์และการปฏิบัติขอรับบริการค้ำประกันสิน<br>เชื่อจาก บสย. ตามโครงการ Portfolio Guarantee Scheme วงเงินค้ำประกัน<br>30,000 ล้านบาท และเป็นส่วนย่อยในโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลชุดนี้<br>เพื่อมุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้<br>ผลักดันตัวเลข GDP ให้ขยายตัวสูงขึ้น<p> นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล รักษาการผู้จัดการทั่วไป<br>บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผล<br>การจัดงานเดินสาย ตลาดนัดเงินกู้ในพื้นที่ภาคอีสาน ทั้งสิ้น 9 เวที<br>ครอบคลุมทั้ง 19 จังหวัด ประสบผลสำเร็จน่าพอใจ<br>ต่อสร้างการรับรู้ถึงบริการประกันสินเชื่อของ บสย.<br>เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม<br>เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม<p> จากการประเมินเฉพาะการจัดเวทีตลาดนัดเงินกู้ ใน 8 เวทีที่ผ่านมา<br>ประกอบด้วย จังหวัดเลย อุดรธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ อุบลราชธานี<br>สกลนคร และร้อยเอ็ด ประสบผลสำเร็จมาก มีผู้ประกอบการ SMEs<br>ในพื้นที่เข้าร่วมสัมมารวมแล้วมากกว่า 6,000 คน<br>สูงกว่าเป้าหมายที่ประเมินไว้ประมาณ 2,000 คนเท่านั้น เชื่อว่า<br>จะสร้างความตื่นตัวกับผู้ประกอบการ SMEs ต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้<p> เบื้องต้นผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมกิจกรรมตลาดนัดเงินกู้<br>ได้มีการพบปะติดต่อกับสถาบันการเงินที่ร่วมเปิดบูธ<br>เป็นการกระจายโอกาสต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้ผู้ประกอบการ SMEs<br>โดยเฉพาะกลุ่มที่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน<br>ไม่เพียงพอต่อวงเงินขอสินเชื่อ สามารถเข้ามาใช้บริการของ<br>บสย.เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเป็นรูปธรรม<p> คาดว่า ภายหลังจากเสร็จสิ้นการเดินสายจัดเวทีที่ภาคอีสานแล้ว<br>สถาบันการเงินทั้ง 16 แห่งที่เข้าร่วมกิจกรรมกับ<br>บสย.จะมีการส่งลูกค้าที่ติดต่อขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน<br>แต่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอกับวงเงินกู้<br>ส่งเรื่องต่อมาใช้บริการ บสย.<br>ให้การติดต่อขอสินเชื่อของลูกค้าแต่ละรายประสบผลสำเร็จ<p> ล่า สุด ผลการดำเนินงานของ บสย.สามารถค้ำประกันสินเชื่อให้กับ<br>SMEs ทั้งประเทศได้แล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งการจัดเงินสรรเงินกว่า<br>30,000 ล้านบาท ตามโครงการ Portfolio Guarantee Scheme<br>เป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้ตัวเลข GDP ของประเทศปรับตัวดีขึ้น<br>เพราะแหล่งเงินทุนจะสามารถเข้าถึงผู้ประกอบการระดับล่าง<br>บรรลุเป้าหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทยตามโครงการไทยเข้มแข็ง<br>ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันได้วางยุทธศาสตร์ไว้<p><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072589">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072589</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-79876480989596519282009-06-26T16:16:00.001+07:002009-06-26T16:16:02.441+07:00"ตึกคอมโฆษะขอนแก่น"จัด"มอเตอร์โชว์" ไม่เชื่อตลาดทรุดมั่นใจขายเกิน200คันศูนย์ข่าวขอนแก่น-"ตึกคอมโฆษะ ขอนแก่น" จัดมอเตอร์โชว์ 2009<br>กระตุ้นตลาดรถยนต์เมืองหมอแคนให้คึกคัก ประสานดีลเลอร์รถยนต์ มากกว่า 10<br>ค่าย พร้อมผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ และสินค้าเกี่ยวเนื่อง ร่วมออกบูธ<br>ประธานชมรมผู้ค้ารถยนต์ ไม่เชื่อตลาดรถยนต์ทรุดหนัก<br>มั่นใจบริษัทแม่ต้องปรับกำลังผลิตรถเพิ่ม เชื่อยอดขายงานภายในงานพุ่งเกิน<br>200 คันแน่ ทั้งเตรียมจัดมอเตอร์โชว์อีกครั้งปลายปีนี้<p> เมื่อเร็วๆนี้ ศูนย์การค้าตึกคอมโฆษะ<br>ศูนย์การค้าสินค้าไอทีในจังหวัดขอนแก่น<br>ร่วมกับชมรมผู้ค้ารถยนต์จังหวัดขอนแก่น จัดงาน "ตึกคอม มอเตอร์โชว์ 2009"<br>โดยมีนายอนุกูล ตั้งคณานุกูลชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น<br>และนายสมควร นกหงส์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทตึกคอมเอ็นอี จำกัด<br>พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมในพิธีเปิดงาน ณ<br>เวทีกิจกรรมด้านใน ศูนย์การค้าตึกคอมโฆษะ อ.เมือง จ.ขอนแก่น<p> การจัดกิจกรรมตึกคอมมอเตอร์โชว์ 2009<br>เป็นการจัดกิจกรรมมอเตอร์โชว์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3<br>ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ค้ารถยนต์ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น<br>เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 10 ราย พร้อมด้วยผู้ค้ารถจักรยานยนต์<br>จากค่ายฮอนด้า และยามาฮ่า พร้อมอุปกรณ์ประดับยนต์ ร่วมออกบูธแสดงสินค้า ณ<br>ลานกิจกรรม และภายในศูนย์การค้าตึกคอมโฆษะขอนแก่น ระหว่างวันที่ 23-28<br>มิ.ย.นี้<p> สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีสถาบันการเงินจาก<br>ธนาคารเกียรตินาคิน เข้าร่วมออกบูธ<br>เพื่อให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์แก่ผู้บริโภคที่สนใจซื้อรถยนต์ภายใน<br>งานด้วย นำโปรโมชั่น ดาวน์น้อย ผ่อนนาน ดอกเบี้ยต่ำ<br>และอนุมัติสินเชื่อรวดเร็ว<br>ผู้ซื้อรถสามารถทราบผลการขอสินเชื่อเบื้องต้นได้ทันที<br>เป็นกลไกสำคัญต่อการผลักดันยอดขายรถยนต์ภายในงาน<br>ร่วมด้วยกิจกรรมสร้างสีสัน การประกวดพริตตี้ตึกคอม และสาวไคโยตี้<br>ตลอดระยะเวลาการจัดงาน<p> ด้าน นายสุรพล ทวีแสงสกุลไทย<br>ประธานชมรมผู้ค้ารถยนต์จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า<br>สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในจังหวัดขอนแก่นและภาพรวมทั้งประเทศ ไม่ได้เลวร้าย<br>ตามที่มีคาดการณ์ว่า<br>ยอดขายรถยนต์จะทรุดตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว<br>โดยประมาณการยอดขายตกลงมากกว่า 30% นั้น<br>ทำให้บริษัทแม่ผู้ผลิตต้องลดกำลังผลิตรถยนต์ตามปัจจัยภาวะตลาดที่ไม่อำนวย<p> แต่ภาพรวมตลาดรถยนต์ที่ผ่านมาพบว่า<br>ยอดขายรถยนต์ไม่ได้ชะลอตัวตามที่คาดไว้ ตัวเลขยอดขายรถยนต์จากหลายค่าย<br>กลับไม่พอต่อความต้องการของผู้บริโภค เชื่อมั่นว่าบริษัทแม่ผู้ผลิต<br>น่าจะมีการทบทวน และปรับเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์<br>รองรับความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นแน่<p> ส่วนการจัดงานตึกคอมมอเตอร์โชว์ 2009<br>น่าจะได้รับการตอบรับจากประชาชนและผู้สนใจเข้ามาเลือกซื้อรถยนต์ภายใน<br>งานอย่างคึกคัก โดยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบด้านบวก<br>ทั้งประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่พัฒนาให้ประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น<br>อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ ที่สำคัญภายในงานนี้มีธนาคารเกียรตินาคิน<br>มาให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจซื้อรถ คาดว่า<br>ยอดขายรถยนต์ภายในงานตึกคอมมอเตอร์โชว์ น่าจะมีตัวเลขยอดขายเกิน 200 คัน<p> ทั้ง นี้ ชมรมผู้ค้ารถยนต์จังหวัดขอนแก่น<br>มีเป้าหมายจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ช่วงปลายปีนี้<br>ชมรมผู้ค้ารถยนต์จังหวัดขอนแก่น เตรียมจัดงานมอเตอร์โชว์ ขึ้นอีกครั้ง<br>โดยจะประสานผู้จำหน่ายรถยนต์ทุกค่ายในพื้นที่ มาร่วมออกบูท ณ<br>บริเวณลานกิจกรรมหน้าห้างบิ๊กซี ขอนแก่น<br>คาดว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนและสร้างสีสันให้ตลาดรถยนต์ขอนแก่นในช่วง<br>ไฮซีซันได้อย่างคึกคัก<p><br><a href="http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072072">http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072072</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-76283121667076332232009-06-25T17:02:00.001+07:002009-06-25T17:02:27.829+07:00โชวห่วยภูเวียงรวมพลังต้าน "เทสโก้ โลตัส" ลงนามครึ่งพันยื่นหนังสือยับยั้งศูนย์ข่าวขอนแก่น - กระแสต้านเทสโก้ โลตัส ระอุที่ อ.ภูเวียง<br>หลังตัวแทนเทสโก้ โลตัส ยื่นขอปรับปรุงอาคารรองรับการเปิดห้างขนาดเล็ก<br>ในพื้นที่ไม่เกิน 300 ตารางเมตร ที่อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น<br>ล่าสุดจัดเวทีให้ความรู้ถึงผลกระทบจากห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ<br>พ่อค้ารายย่อย เชื่อกระทบกิจการโชวห่วยในเขตเทศบาลมากกว่า 200<br>ร้านค้าอาจถึงขั้นปิดกิจการ พร้อมแสดงจุดยืนร่วมลงนามกว่าครึ่งพัน<br>ยื่นหนังสือยับยั้งการเปิดเทสโก้ โลตัส ถึงนายอำเภอภูเวียง<br>และนายกเทศมนตรี<p> วันนี้ (24 มิ.ย.) กลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้าในตลาดสดเทศบาลตำบลภูเวียง<br>พร้อมด้วยผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยในเขตอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น<br>ในนาม "ชมรมผู้ค้าปลีกและประกอบอาชีพอิสระอำเภอภูเวียง" สวมเสื้อสีชมพู<br>มากกว่า 200 คน จัดเวทีให้ความรู้ถึงผลกระทบจากการลงทุนของห้างค้าปลีกรายใหญ่<br>เทสโก้ โลตัส ที่เตรียมการเข้ามาลงทุนเปิดห้างโลตัสในพื้นที่ อ.ภูเวียง ณ<br>ลานตลาดสดเทศบาลตำบลภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น<p><br> การจัดเวทีดังกล่าว<br>มีตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่งจากพื้นที่ อ.พล อ.บ้านไผ่<br>อ.ชุมแพ มาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่งในท้องถิ่นอ.ภูเวียง<br>โดยเฉพาะผู้ประกอบการจาก อ.พล<br>ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนของห้างโลตัสใน อ.พล<br>ภายใต้รูปแบบตลาดโลตัส มาถ่ายทอดผลกระทบและปลุกจิตสำนึกให้ผู้ค้าใน<br>อ.ภูเวียง ร่วมกันต่อต้านการเข้ามาลงทุนเปิดห้างโลตัสอย่างเข้มแข็ง<p> ทั้งนี้ตาม ถนนสายหลักในพื้นที่ อ.ภูเวียง<br>ได้มีการเขียนป้ายคัดค้านการเปิดห้างเทสโก้ โลตัส ในอ.ภูเวียง<br>ติดตามถนนสายหลัก และหน้าร้านค้าต่างๆ ทั่วพื้นที่เขตเทศบาลตำบลภูเวียง<br>หลังจากที่มีตัวแทนของห้างเทสโก้ โลตัส<br>เข้ามายื่นขออนุญาตปรับปรุงพื้นที่อาคารพาณิชย์ รองรับการเปิดเทสโก้<br>โลตัส ในพื้นที่ขายไม่เกิน 300 ตารางเมตร กับเทศบาลตำบลภูเวียง<br>จึงเกิดกระแสคัดค้านจากร้านโชวห่วย ผู้ประกอบการรายย่อยขึ้น<p> นายพิชิต อัศวปรีดาวงศ์<br>เจ้าของกิจการร้านโชวห่วยในเขตเทศบาลตำบลภูเวียง เปิดเผยว่า<br>ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า เทสโก้ โลตัสจะเข้ามาเปิดห้าง ที่อ.ภูเวียง<br>ค่อนข้างแน่นอน โดยเช่าอาคารพาณิชย์ 4 คูหา ในเขตเทศบาลตำบลภูเวียง<br>พร้อมทั้งได้ยื่นเรื่องปรับปรุงอาคารดังกล่าว ต่อเทศบาลตำบลภูเวียงแล้ว<br>รองรับการขายสินค้าขนาดไม่เกิน 300 ตารางเมตร<p> ในส่วนผู้ประกอบการโชวห่วย และร้านค้าย่อยทั่วไปในพื้นที่<br>อ.ภูเวียง ไม่เห็นด้วยที่ห้างเทสโก้ โลตัส จะเข้ามาลงทุนเปิดโลตัส<br>ในอำเภอภูเวียง แม้ว่าจะเป็นการลดขนาดการลงทุนในพื้นที่ขายไม่เกิน 300<br>ตารางเมตรก็ตาม เพราะเชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการรายย่อยในเขตอำเภอภูเวียงเป็นวง<br>กว้าง<p> เฉพาะร้านโชวห่วยซึ่งเป็นธุรกิจรับผลกระทบโดยตรงจากการลงทุนของเท<br>สโก้ โลตัส มีผู้ประกอบการร้านโชวห่วยเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลภูเวียง<br>มากกว่า 200 ร้านค้า จะได้รับผลกระทบในระดับที่รุนแรง<br>จนถึงขั้นต้องปิดกิจการลงจำนวนมาก เป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม<br>เพราะเทสโก้ โลตัส ได้เปรียบในทุกด้าน ทั้งอำนาจต่อรอง ต้นทุนสินค้า<br>การบริหารจัดการ และรูปแบบธุรกิจในสไตล์โมเดิร์นเทรด<p> โดยมีบทเรียนสำคัญจากการลงทุนของโลตัส เปิดสาขาหลักที่ จ.ขอนแก่น<br>และการเปิดตลาดโลตัสที่ อ.พล จ.ขอนแก่น<br>ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่นเป็นวงกว้าง<br>โดยเฉพาะในเขตอ.พล ได้ทำลายกิจการผู้ค้ารายย่อยท้องถิ่น<br>ต้องล้มเลิกกิจการลงจำนวนมาก ดังนั้นผู้ประกอบการรายย่อยในอ.ภูเวียง<br>จะคัดค้านการลงทุนของโลตัสอย่างถึงที่สุด<p> ชาวภูเวียงกว่าครึ่งพันร่วมลงนามค้านโลตัส<p><br> ภายหลัง การจัดเวทีให้ความรู้ถึงผลกระทบจากห้างเทสโก้ โลตัสแล้ว<br>เวลาประมาณ 13.30 น. กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยในอ.ภูเวียง<br>ได้จัดขบวนรณรงค์ พร้อมกับทำหนังสือเปิดผนึก เพื่อยื่นต่อนายวิเชียร<br>บุญแลบ นายอำเภอภูเวียง และนายฉิน วรปัญญาสถิต<br>นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลภูเวียง เพื่อ คัดค้านการเปิดเทสโก้ โลตัส<br>ในอ.ภูเวียง โดยให้เหตุผลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการค้าปลีกใน<br>อ.ภูเวียง ตลอดจนทำลายความสัมพันธ์อันดีงามของคนในพื้นที่ อ.ภูเวียง<br>พร้อมกับนำรายชื่อผู้คัดค้านมากกว่า 560<br>รายชื่อแนบท้ายพร้อมกับหนังสือคัดค้านดังกล่าว<p> ด้าน นายฉิน วรปัญญาสถิต นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลภูเวียง<br>กล่าวถึงการยื่นขออนุญาตปรับปรุงอาคาร เพื่อเปิดห้างโลตัสภูเวียงว่า<br>มีการยื่นปรับปรุงอาคารพาณิชย์รองรับการเปิดโลตัสที่ อ.ภูเวียงจริง<br>เป็นการยื่นปรับปรุงอาคารที่ถูกต้อง แต่เอกสารหลักฐานยังไม่ครบ<br>ทางเทศบาลตำบลภูเวียง จึงไม่ยังไม่เลขที่รับหนังสือ<p> ข่าวการลงทุนเปิดเทสโก้ โลตัส ใน อ.ภูเวียง<br>ยอมรับว่ามีความคิดเห็นแตกต่างออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายคัดค้าน<br>จากกลุ่มพ่อค้าและผู้ประกอบการรายย่อยใน อ.ภูเวียง<br>เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเทสโก้ โลตัส ส่วนอีกฝ่ายคือ<br>ประชาชนทั่วไป สนับสนุนให้เปิดโลตัส<br>เพราะต้องการให้เกิดการแข่งขันทางการค้าโดยเสรี<br>ต้องการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูก<p> ความคิดเห็นที่แตกแยกดังกล่าว<br>เทศบาลตำบลภูเวียงจะมีกระบวนการให้ความรู้<br>และทำความเข้าใจต่อประชาชนทั้งอำเภอภูเวียง ให้ประชาชนทุกกลุ่มใน<br>อ.ภูเวียง หันหน้าเข้าหากัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน<br>เข้าใจถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการลงทุน<br>และพยายามเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มที่เดือดร้อน<br>ให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข<p><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000071431">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000071431</a><p>ชห่วยก็ต้องปรับปรุงตัวเองด้วย<br>เช่นไปซื้อเงาะที่โลตัสราคาก็พอๆกับในตลาดเผลอๆถูกกว่าอีก<br>แถมเลือกได้ตามใจชอบ ไม่ใช่ให้แม่ค้าหยิบให้<br>เวลาโชว์ก็เอาลูกสวยๆไว้ข้างนอก พอจะหยิบขายก็เอาลูกสวยๆ<br>2-3ลูกที่เหลือก็เอาลูกที่ไม่ค่อยดีใส่ปนลงไป<br>โลตัสไปเดินดูเฉยๆไม่ต้องซื้อก็ได้ไม่มีใครว่า เข้าก็ไหว้ออกก็ไหว้<br>พูดก็เพราะ ที่จอดรถก็สะดวก<br>สินค้าบางอย่างถ้าไม่ดีเอามาเปลี่ยนมาคืนได้อีกต่างหาก<br>ไม่ได้คาดหวังให้โชห่วยทำได้ขนาดนี้หรอกนะ เอาแค่ยิ้มแย้มแจ่มใส<br>ไม่เอาสินค้าหมดอายุมาขาย หรือไม่ก็มีบริการส่งถึงบ้าน<br>ดูตัวเองด้วย<br>--<br>เห็นว่าไม่อยากเอาเงินไปให้ต่างชาติ แล้วถ้าไม่ใช่Lotus<br>ที่เป็นของต่างชาติ แต่เป็นBig-C หล่ะ จะเปิดได้รึเปล่า<p>โชว์ห่วย<br>-กำหนดราคาตามใจฉัน<br>-บริการยอดแย่ ลองไปซื้อตอนละครมาสิ ยังกะจะไปขอมันกิน<br>-ฝุ่นเขลอะ ร้านเละ พื้นเน่า<br>-สามารถขายเหล้าได้ทั้งวัน ...ปิดร้านไปแล้ว หรือวันหยุดที่ห้ามขาย<br>มันยังสามารถแอบได้<br>-มาม่าซองแตกมั่ง ขนมปังหมดอายุมั่ง.. เลย์นี่บางทีนึกว่าเค้าออกใหม่ "เลย์ผง!!"<br>-แล้วลองนึกภาพปลากระป๋อง น้ำปลา น้ำตาล ในร้านโชว์ห่วยสิ อยากจะซื้อมากินมั๊ย<br>-พอประกาศขึ้นราคาอะไร ของมันจะหมดทันทีโดยไม่ทราบสาเหตุ บางที่ขึ้นก่อนซะอีก<br>-....ฯลฯ //<br>-เออใช่ ..แต่ก็มีเห็นดีอยู่อย่างนึงที่ บางร้านลูกสาวสวย<p>ถ้าโชว์ห่วยยังคงศักยภาพการบริการไว้สุดยอดแบบนี้ ไม่ต้อง Lotusหรอก 7-11<br>หรือ 108 น้าๆเค้าก็ตายแล้ว มองตัวเองกันมั่งเหอะ<br>แค่ ทำร้านให้สะอาด ถูกสุขอนามัย<br>บริการดีหน่อยยังไงคนไทยก็เค้าก็อุดหนุนคนไทยอยู่แล้ว<br>แถมยังผูกพันกันมานาน ถึงแพงกว่าบาทสองบาท ให้สุนัขกินยังเยอะกว่า ....<br>ว่าแล้วก็ "เฮียยยย ... ม่ามา2ซอง" (ปลายเดือนแว้ว-*-)<br>boochi<br>-+-<br>แน่ใจรึว่าเข้าก็ไหว้ออกก็ไหว้<br>ล่าสุดไปเที่ยวหัวหัวหิน เห็นด่าป้าแก่ๆคนนึงอ่ะ<br>ที่สำคัญป้าแก่ๆเขาก็คือลูกค้า และที่โลตัสฟอร์จูนแถวบ้านผม<br>บริการห่วยมาก พูดจาไม่ดีไม่ยิ้มแย้ม<br>รู้ว่ามันได้เงินเดือนกันแค่4-5พันบาทถ้าไม่เต็มใจเงินเดือนแบบนี้ไปทำ<br>7-11ผมว่าได้เยอะกว่า<br>เวลาไปซื้อของที่นั่นผมมักจะรีบกองๆของจ่ายเงินและรีบไปเลย<br>ยอมรับว่าของบางอย่างมันถูกจริง<br>ผมเอง<br>+-+-+<br>สนับสนุนให้เปิด เพราะมีมาตรฐาน ที่เน้นเลยคือความสะดาด สุขอนามัย<br>ตลาดท้องถิ่นทั่งประเทศยากที่จะพัฒนา เจ้าของตลาดเก็บตังค์อย่างเดียว<br>เหมือนกับตีหัวเข้าบ้าน ไหนจะค่าเช่า รายวัน รายเดือน รายปี<br>แต่ไม่เคยจะปรับปรุงให้น่าเข้าไปเดินซื้อ กลิ่นจากท่อน้ำ<br>ความสกปรกที่พ่อค้า แม่ค้าเองก่อให้เกิด 100 แม่ค้า 100 พ่อค้า 100<br>คนส่งสินค้า มันกี่ร้อยพ่อพันแม่แล้ว มีที่ชื่นชมก็ตลาดติดแอร์<br>นี้เยี่ยมเลย ถ้าเจ้าของตลาด แม่ค้า พ่อค้า ไม่ปรับปรุง แก้ไข<br>เพราะตลาดก็เหมือนบ้านของคุณๆท่านๆ คนซื้อก็เปรียบเสหมือนแขก<br>ก็ลองพิจารณาดู และนับวันเชื้อโรคยิ่งมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ<br>ใครจะไปซื้อของที่ตลาดสภาพนั้น ขนาดห้างยักษ์ที่เปิดใหม่ที่พัทยา<br>ยังหง่อยช่วงนี้เมื่อเจอพิษหวัด2009<br>SPONSOR lotus<br>+/+/+/ เดี๋ยวนี้ร้านโชว์ห่วย ขายได้แค่บุหรี่ที่แกะซองออกมาขาย<br>ทีละ 10 บาท 20บาท กับน้ำอัดลมเปิดขวดใส่ถุงแล้ว<br>เมื่อก่อนพวกคุณเองก็ไม่ค่อยจะพึงสังวรกันซักเท่าไหร่นี่<br>ชอบขายของเกินราคา ข้างกระป๋อง เขียนราคามาตัวเบ้อเร่อ..<br>ดันขายแพงกว่าที่เขากำหนดมาตลอด<br>ห้างพวกนี้ได้เปรียบเป็นไหนๆ เพราะเค้าขายถูกกว่าราคา<br>ที่กำหนดมาในสินค้าบางตัว และไม่มีการขายเกินราคา<br>พวกคุณเองก็ไปซื้อของมาจากห้างเหล่านี้มาขายต่อให้พวกเราไม่ใช่เหรอ ?<br>มองอีกมุม ตามบ้านนอกทุ่งนาป่าเขา เขาไม่เอาโลตัสไปวางหรอก<br>ร้านตามชนบทได้แหล่งซื้อของราคาถูกในตัวเมืองเอาไว้ไปขาย<br>คนว่างงานนับพันในจังหวัด มีงานทำ ถึงแม้จะถูกเรียกว่าลูกจ้างฝรั่ง<br>เพราะเรียนมาแค่นี้ถ้าไม่มีทุนเปิดกิจการก็คงต้องเป็นลูกจ้างพวกเจ๊กขี้เหนียวให้เขาด่าฉอดๆๆๆอยู่ดี<br>พวกคุณมีสวนมีไร่มีสมบัติ<br>คุณไม่เข้าใจคนตกงานหรอกว่ามันเลวร้ายแค่ไหนเวลาไม่มีจะกิน<br>เปิดห้างมาทีนึง มีคนได้งานทำเป็นพันๆคน<br>ลองคิดดู<br>เอาใจเขามาใส่ใจเราซะบ้าง<br>+*+<br>พนักงานในห้างใหญ่ถูกเอาเปรียบมาก<br>ต้องทำงานเกินเวลา ห้างปิดก็ยังทำงานตลอด<br>เพื่อจัดเรียง ทั้งคืน<br>แสงไฟก็หลังห้างปิดก็น้อยวันหยุดก็ถูกบีบให้เลื่อนได้<br>ใช้สัญญารายปีไม่เป็นธรรม ทำมาหลายปีก็เท่านั้น<br><a href="mailto:wut_jeam@yahoo.com">wut_jeam@yahoo.com</a><br>*+*+*<br> ผมว่าต้องละเอียดหน่อยนะครับ ทำไม 7-11 เปิดได้แต่เป็นโลตัสมีปัญหา<br>เราจะดูแลโดยที่ควบคุมการไหลมาของเงินลงทุนอย่างไร<br>เช่นถือว่ารายได้ของสาขาอื่นของเขาเป็นรายได้ทั้งหมดของเข้าต้องนำมาคิดภาษี<br>บำรุงท้องที่รวมก็ได้เพื่อให้รายย่อยได้เปรียบในการแข่งขัน<br>เคยมีโมเดลที่จะการทำการซื้อของผ่าน<br>กระทรวงพาณิชย์แต่โดนผู้มีอำนาจขัดเพราะ<br>เหมือนการจัดตั้งสหกรณ์ร้านค้าย่อยเพื่อต่อรองด้านราคากับผู้ผลิต<br>คนงง<br>////<br> ต้องยอมรับว่าเงินจำนวนมหาศาลที่ห้างนี้นำออกจากประเทศไทยแต่โทษเขาอย่าง<br>เดียวมันก็ไม่ถูกเพราะว่าพฤติกรรมของคนที่ชอบของถูกแต่ไม่มีคุณภาพและกลุ่ม<br>องค์กรส่วนท้องถิ่นด้วยที่ชอบมีอุดมการณ์แต่พอเงินมาแล้วตาไม่เห็นอนุมัติ<br>โดยไม่ยอมฟังเสียงและคนกลุ่มสุดท้ายคือคนกลุ่มที่ออกมาค้ดค้านและกลุ่มร้าย<br>โชว์ห่วยเองที่ควรมีการพัฒนาตัวเองควรยิดมั่นใสจริยธรรมอย่ามองเห็นแก่ได้<br>อย่างเดียวควรมองเห็นคนอื่นด้วยจึงจะทำให้ทุกที่ปราศจากห้างนี้<br>คน<br>///<br> ต้องทำประชาพิจารณ์<p>กับประชาชนผู้ได้ประโยชน์ครับ<p>ประชาชนที่จะไปซื้อขอ จับจ่ายใช้สอย<p>มีเยอะกว่า 500 ครอบครัวแน่นอน<p>ประชาธิปไตย<br>ยอมรับกันไหมล่ะ<br>ไทยแท้<br>///<br> จากแม่สายเข้าท่าขี้เหล็กไปเชียงตุง คิดถึงเมืองไทย<p>เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ไม่มีห้างต่างชาติมาแย่งอาชีพ คน<p>ในหมู่บ้านอยู่กันอย่างพอเพียงจริง ๆ ไม่ต้องแสแสร้ง<p>ไม่มีเซเว่น ทุกอย่างขายอาหาร น้ำ โชยห่วย ชาวบ้าน<p>พื้นที่ทั้งนั้น ไม่ต้องตกเป็นขี้ข้าทำงานแลกเศษเงินให้ฝรั่ง<br>คนไทยเสียรู้ฝรั่งfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-14411489336568163692009-06-23T16:30:00.001+07:002009-06-23T16:30:50.223+07:00"อีสานโพล"เผยชาวอีสานส่วนใหญ่หนุนหวยบนดินอ้างได้เงินแน่ไม่มีเบี้ยวโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2552 15:20 น.<br> ศูนย์ข่าวขอนแก่น-"อี สานโพล"เผยผลสำรวจความเห็นต่อนโยบายหวยบนดิน<br>พบ ชาวอีสานส่วนใหญ่เห็นด้วยเพราะได้เงินแน่นอนไม่มีเบี้ยวเหมือนเจ้ามือหวยใต้<br>ดิน ขณะที่กว่าร้อยละ 50<br>แนะรัฐบาลนำรายได้จากการขายหวยช่วยอุดหนุนด้านการศึกษา<br>ขณะที่กลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยระบุเป็นการมอมเมาประชาชน<br>ส่งเสริมให้ชาวบ้านเล่นการพนัน<br>ซึ่งรัฐบาล-ตำรวจต้องจัดการเด็ดขาดกับผู้ค้าหวยใต้ดินที่มีอยู่ทุกวันนี้ให้<br>ราบคาบ<p> ผศ.ดร.กัลปพฤกษ์ ผิวทองงาม<br>ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ<br>มหาวิทยาลัยขอนแก่น<br>เปิดเผยถึงผลวิจัย"อีสานโพล"ในประเด็นทัศนคติของคนอีสานต่อการออก"หวยบนดิน<br>"ของรัฐบาล ว่ากลุ่มผู้ให้สัมภาษณ์ ร้อยละ79.3<br>เห็นด้วยที่จะให้มีหวยบนดิน ขณะที่อีกร้อยละ 20 ไม่เห็นด้วย<br>โดยเหตุผลของกลุ่มที่เห็นด้วยระบุว่า เพราะมีเงินรางวัลที่ชัดเจน แน่นอน<br>ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้รางวัลหรือได้เงิน คิดเป็น ร้อยละ46.4<br>ของกลุ่มสำรวจที่เห็นด้วย เหตุผลรองลงมาอีกร้อยละ 43.6<br>อ้างว่ารัฐบาลจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศ<p> การสำรวจความเห็นต่อหวยบนดินครั้งนี้<br>ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน ได้ สำรวจความเห็นจากกลุ่มตัวอย่าง คือ<br>ประชาชนทั่วไป ใน 19 จังหวัดของภาคอีสานจำนวน 640 กลุ่มตัวอย่าง<br>ระยะเวลาดำเนินการ 1 สัปดาห์ ในช่วงครึ่งเดือนหลังเดือนมิถุนายน 2552<br>โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีอายุ 20 - 29 ปี มากที่สุด (36.3%)<br>การศึกษาระดับปริญญาตรี (46.2%) อาชีพรับราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ<br>(30.4%) พนักงานเอกชน/ลูกจ้าง (21.4%) ธุรกิจส่วนตัว (13.2%) เกษตรกรรม<br>(12.7%) โดยกลุ่มสำรวจส่วนใหญ่มีรายได้ระหว่าง 5,001 - 10,000 บาท<p> ต่อประเด็นคำถามที่ว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้หวยใต้ดินขึ้นมาอยู่บน<br>ดิน พบว่า กลุ่มผู้ให้สัมภาษณ์ เห็นด้วยมากถึง 79.3% และ ไม่เห็นด้วย<br>คิดเป็น 20.7%<p> เมื่อถามความคิดเห็นของผู้ให้สัมภาษณ์ว่าหวยบนดินควรมีการจำหน่าย<br>ด้วยวิธีใด ผู้ให้สัมภาษณ์ 53.1%<br>เห็นว่าควรซื้อกับตัวแทนโดยผู้ขายเป็นผู้เขียนตัวเลข นอกจากนั้นร้อยละ<br>21.7% ระบุว่า อยากซื้อกับตัวแทน โดยพิมพ์ขายเหมือนล๊อตเตอรี่<br>ที่เหลือบางส่วนร้อยละ 20.2<br>ต้องการซื้อผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิส์โดยมีผู้ขายทำให้<p> จากนั้นเมื่อ ถามถึงเหตุผลว่า<br>อยากให้รัฐบาลนำรายได้จากการขายหวยไปพัฒนาประเทศในด้านใดมากที่สุดผู้ให้<br>สัมภาษณ์เห็นว่าควรนำไปพัฒนาด้านการศึกษาของประเทศมากที่สุด 51.6%<br>รองลงมาคือ ด้านเศรษฐกิจ 33.0% นอกจากนี้ยังมีด้าน คมนาคม ท่องเที่ยว<br>และเทคโนโลยี<p> กลุ่มค้านชี้หวยมอมเมาปชช.<br> แนะรัฐเพิ่มโทษจัดการเด็ดขาด<p> อย่างไรก็ตาม<br>สำหรับกลุ่มสำรวจที่ไม่เห็นด้วยกับการนำหวยใต้ดินขึ้นมาบนดิน ร้อยละ<br>47.9% ให้เหตุผลว่าไม่เห็นด้วยเพราะ เป็นการมอมเมาประชาชน<br>ทำให้ประชาชนเพ้อฝัน ไม่ขยันทำงาน รองลงมา 21.5%<br>เห็นว่าหวยบนดินเป็นการส่งเสริมการพนันในคนหมู่มาก และเห็นว่า<br>ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ไม่ควรส่งเสริมอบายมุข ทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย<p> เมื่อสอบถามความคิดเห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการดำเนินการอย่างไร<br>ในการจัดการกับหวยใต้ดิน กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 45.5<br>เห็นว่าควรออกบทลงโทษที่ร้ายแรงกว่าเดิม ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ มากที่สุด<br>ส่วนความคิดเห็นอื่นๆ 37.5% เห็นว่า ตำรวจต้องเอาจริงเอาจัง<br>เข้มงวดในการจับกุม นอกจากนั้นยังมีความคิดเห็นว่า<br>ต้องตั้งรางวัลนำจับให้ผู้แจ้งเบาะแสหวยใต้ดิน<br>และตั้งหน่วยพิเศษเพื่อทำหน้าที่ในการจัดการตามกฎหมายfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-45345578018701821492009-06-20T17:10:00.001+07:002009-06-20T17:10:33.070+07:00นายกฯสั่งสอบเทศบาลเมืองพล สร้างตึกแถวติด ร.ร.-ดิ้นเปลี่ยนสีผังเมืองศูนย์ข่าวขอนแก่น -ชาว ชุมชนเทศบาลเมืองเมืองพล ใจชื้น<br>นายกฯอภิสิทธิ์ ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพิพาทโครงการสร้างอาคารพาณิชย์ให้เช่า<br>ของเทศบาล ในเขตสีเขียวมะกอกของโรงเรียนเทศบาลพลประชานุกุล เผย<br>ฝ่ายบริหารเทศบาล ดิ้น! หลังศาลปกครองสั่งระงับโครงการ<br>วิ่งเต้นเปลี่ยนสีในผังเมืองให้เป็นสีแดงเพื่อดันให้สร้างต่อได้<br>ขณะที่ชาวบ้านยันสู้ไม่ถอยเพื่อรักษาที่ดินโรงเรียนของชุมชน<p> จากกรณีที่ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น<br>ที่รวมตัวในนามกลุ่มพลพิทักษ์ธรรมได้ร้องทุกข์ "มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน"<br>พร้อมกับเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ให้เช่า ขนาด 2<br>ชั้น 45 คูหา ซึ่งจะสร้างในเขตพื้นที่โรงเรียนเทศบาลพลประชานุกุล<br>ด้านที่ติดกับตลาดสดเทศบาลเมืองพลตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2550<br>โดยชาวบ้านกลุ่มนี้ไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายบริหารเทศบาลเมืองพลจะนำพื้นที่<br>โรงเรียนไปแสวงผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์<br>อีกทั้งบริเวณดังกล่าวระบุในผังเมืองเป็นพื้นที่สีเขียวมะกอก<br>สงวนไว้สำหรับกิจกรรมทางการศึกษาเท่านั้น<p> ที่สำคัญ หวั่นว่า จะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเยาวชน<br>โดยเฉพาะด้านเสียงและมลภาวะทางอากาศเพราะเป้าหมายผู้เช่าอาคารพาณิชย์ คือ<br>กลุ่มแม่ค้าพ่อค้าในตลาดสด<br>การต่อสู้ของชาวเทศบาลเมืองพลครั้งนี้ถึงขั้นยื่นฟ้องศาลปกครองจังหวัด<p> นายกฯรับลูกส่งทีมงานสอบข้อเท็จจริง<p>นายประสิทธิ์ พรหมนอกและนางผาสุข ปัญญา ตัวแทนชาวเทศบาลเมืองเมืองพล<br>กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ให้เช่าของเทศบาล<br>ซึ่งนำที่ดินโรงเรียนฝั่งที่ติดกับตลาดสดเทศบาลสร้างอาคาร<br> <br> ล่าสุด นางผาสุข ปัญญา หนึ่งในกลุ่มพลพิทักษ์ธรรม อ.พล จ.ขอนแก่น<br>เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเคลื่อนไหวต่อสู้คัดค้านการก่อสร้างอาคารพาณิชย์<br>ของเทศบาลเมืองพลดังกล่าว ว่า เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา<br>เจ้าหน้าที่จากสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้เดินทางมารับฟังข้อมูลทั้งฝ่าย<br>ประชาชน ที่คัดค้านโครงการ<br>และฝ่ายบริหารเทศบาลพลพร้อมกับลงพื้นที่สำรวจจุดก่อสร้าง<br>ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของการต่อสู้ของภาคประชาชนที่ได้รับความสนใจ<br>จากภาครัฐ พวกตนยืนยันที่จะคัดค้านการก่อสร้างโครงการลงทุนนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อปกป้อง<br>ผลประโยชน์ของนักเรียนและชุมชนส่วนรวม<p> นางผาสุข<br>กล่าวถึงการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่จากสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีครั้งนี้<br>เป็นผลสืบเนื่องจากที่พวกตนได้ทำหนังสือถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ<br>นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยเหลือสั่งระงับการขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่บริเวณดังกล่าวที่กฎ<br>กระทรวงผังเมืองรวมเมืองพลกำหนดให้เป็นสีเขียวมะกอกให้เป็นพื้นที่สีแดง<br>ที่ดินประเภทพาณิชย์กรรม หากวิ่งเต้นเปลี่ยนสีในผังเมืองสำเร็จ<br>เทศบาลเมืองพลก็จะใช้เป็นข้ออ้างเดินหน้าลงทุนโครงการพาณิชย์ให้เช่าได้ต่อ<p> "พวกเราดีใจมากที่ท่าน นายกฯอภิสิทธิ์<br>เห็นความสำคัญของปัญหาสั่งให้หน่วยงานสำนักปลัดฯมาดูสภาพพื้นที่และรับฟัง<br>ข้อมูลของทั้งฝ่ายเราที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการและฝ่ายผู้บริหารเทศบาลฯเจ้า<br>ของโครงการ การต่อสู้ของพวกเราในเรื่องนี้ไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดๆ<br>เราแค่ต้องการปกป้องพื้นที่ของโรงเรียนไม่ให้นักการเมืองท้องถิ่นนำไปก่อ<br>สร้างตึกอาคารเพียงแค่ข้ออ้างความเจริญเติบโตด้านวัตถุเท่านั้น"นางผาสุข<br>กล่าวและเล่าต่อว่า<p> นับว่าความยุติธรรมในแผ่นดินนี้<br>ยังมีอยู่เพราะหลังจากที่ตนกับพวกอีก 5 คน<br>ในนามกลุ่มพลพิทักษ์ธรรมได้ยื่นร้องต่อศาลปกครองขอนแก่นให้สั่งยกเลิก<br>โครงการดังกล่าวเมื่อปลายปี 50 ผลจากคำพิพากษาที่ศาลตัดสินเมื่อปลายปี 51<br>ได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชย์ทั้ง 45 คูหา และสั่งให้<br>นายสุวัฒน์ อังสนันท์<br>นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองพลรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอาคารที่พิพาทและปรับพื้นที่<br>โรงเรียนเทศบาลพลประชานุกุลให้กลับคืนสู่สภาพเดิม<br>อย่างไรก็ตามคดีนี้ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด เพราะทางนายสุวัฒน์<br>ได้ยื่นอุทธรณ์<p> <br> สำหรับเหตุผลที่ นายสุวัฒน์<br>ในฐานะนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองพลอ้างเพื่อลงทุนสร้างอาคารพาณิชย์นั้น<br>เขายืนยันว่าทุกขั้นตอนเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย<br>สภาเทศบาลฯเห็นชอบให้ก่อสร้าง เพื่อพัฒนารายได้ของเทศบาลเมืองเมืองพล<br>มีวัตถุประสงค์ที่จะบำรุงและส่งเสริมการทำมาหากินของราษฎร<p> เทศบาลเมืองพลดิ้นเปลี่ยนสีในผังเมือง<p> สำหรับสถานที่ตั้งอาคารพาณิชย์เดิมเคยอยู่ในเขตห้ามก่อสร้างตาม<br>กฎหมาย ฉบับที่ 395(2541) ตาม พ.ร.บ.การผังเมือง พ.ศ.2518<br>ซึ่งกำหนดเป็นสีเขียวมะกอกที่ดินประเภทสถาบันการศึกษา<br>แต่กฎหมายดังกล่าวได้สิ้นสุดผลการบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม<br>2548และขณะดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ยังไม่มีการประกาศใช้บังคับกฎ<br>กระทรวงฉบับใหม่การใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว<br>จึงไม่มีข้อห้ามตามกฎหมายผังเมือง<p> นายสุวัฒน์ ยืนยันอีกว่า<br>ในประเด็นนี้ทางอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ตอบข้อหารือมาว่า<br>เมื่อกฎกระทรวง ฉบับที่ 395 (2541)<br>ได้สิ้นสุดระยะเวลาการบังคับใช้เมื่อปี 2548 ดังนั้น<br>การใช้ประโยชน์ในที่ดินในขณะนี้จึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงดัง<br>กล่าว หนังสือตอบข้อหารือดังข้อความข้างต้นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เทศบาลเมือง<br>เมืองพลใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงเพื่อแสดงความชอบธรรมในการก่อสร้างอาคาร<br>พาณิชย์<p> อย่างไรก็ตาม ในหนังสือตอบข้อหารือฉบับเดียวกัน<br>ได้ระบุเพิ่มเติมว่าโครงการดังกล่าวจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายอื่นๆ<br>ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายสิ่งแวดล้อม เป็นต้น<p> <br>อาคารเรียน ของโรงเรียนเทศบาลพลประชานุกุล<br>และเสาโครงการก่อสร้างอาคารของเทศบาลเมืองพล ห่างกันราว 1 เมตร<br> ด้าน นายประสิทธิ์ พรหมนอก<br>หนึ่งในสมาชิกกลุ่มพลพิทักษ์ธรรมได้ตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของฝ่ายบริหารเทศบาล<br>เมืองเมืองพลว่า จะอ้างการสิ้นสุดระยะเวลาบังคับใช้ของกฎกระทรวง ฉบับที่<br>395(2551)ไม่ได้ แม้จะอยู่ในช่วงที่รอการออกกฎกระทรวงใหม่<br>ใช่ว่าจะฉวยโอกาสดำเนินโครงการใดๆที่ผิดกฎหมายได้<br>ต้องดูกฎหมายแวดล้อมอื่นๆประกอบและที่สำคัญต้องดูความเหมาะสมตามหลักธรรมาภิ<br>บาลด้วย<p> นอกจากนี้ นายประสิทธิ์ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า กรณีที่<br>นายสุวัฒน์ ชี้แจงเหตุผลที่ขอเปลี่ยนสีจากสีเขียวมะกอกเป็นสีแดงเพื่อสร้างอาคารพาณิชย์<br>ดังกล่าว เพื่อรองรับผู้เช่าอาศัยในอาคารหลังเก่า บริเวณตลาดสดเทศบาล<br>จำนวน 50 รายที่หมดสัญญาเช่าและเทศบาลฯจะทำการรื้อถอน<br>ถึงขั้นจะสร้างอาคารพาณิชย์ในโรงเรียนเพื่อรองรับ<br>มีประเด็นที่น่าสงสัยคือ<p> 1.อาคารตลาดหลังเก่าที่สร้างมา 40 ปี เมื่อหมดสัญญาแล้ว<br>จำเป็นต้องทุบรื้อถอนและสร้างใหม่เท่านั้นหรือ<p> 2.จากการประกาศขายสิทธิ์อาคารพาณิชย์หลังใหม่ในบริเวณโรงเรียนแก่<br>บุคคลทั่วไป ไม่ใช่มุ่งรองรับผู้หมดสัญญาจากอาคารหลังเก่า<br>ซึ่งทำให้ผู้หมดสัญญาไม่สามารถแบกรับราคาที่ประกาศขายสิทธิ์ได้<br>เพราะมีราคาค่อนข้างสูง<br>และที่สำคัญไม่เห็นด้วยกับการสร้างอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ของโรงเรียน<br>เป็นการเบียดบังพื้นที่ของโรงเรียน<br>ควรเป็นพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ต่อการส่งเสริมการศึกษาเท่านั้น<p> <br> รวมทั้งเห็นว่า นักเรียนจะได้รับผลกระทบจากมลพิษทางกลิ่น เสียง<br>การบดบังแสง-ลม เพราะตามข้อเท็จจริง<br>จะสังเกตได้จากภาพถ่ายเสาเข็มอาคารพาณิชย์ผนวกกับแบบแปลนที่ประกาศขาย<br>จะเห็นได้ว่าหากวัดจากแนวดิ่งของชายคาของอาคารเรียนจะห่างกันเพียง 1<br>เมตรเท่านั้น<p> ดังนั้น ด้วยเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการสร้างอาคารพาณิชย์ของเทศบาลเมือเมืองพล<br>ต่างๆครั้งนี้ จึงต้องการให้มีการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารระงับการเปลี่ยนแปลง<br>สีการใช้ประโยชน์ในที่ดินบริเวณดังกล่าวจากสีเขียวมะกอกเพื่อสถาบันการศึกษา<br>เป็นสีแดงเพื่อการพาณิชย์<p> รายงานข่าวแจ้งว่า<br>ภายหลังเจ้าหน้าที่จากสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ลงสำรวจข้อเท็จจริงใน<br>พื้นที่และรับฟังข้อมูลจากตัวแทนทั้ง 2 ฝ่าย คือ<br>ผู้ร้องคัดค้านโครงการฯกับเจ้าของโครงการคือฝ่ายบริหารเทศบาลเมืองเมืองพล<br>แล้ว ได้กล่าวย้ำว่า ณ<br>ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปความเห็นใดๆได้เพราะกรณีพิพาทโครงการนี้กำลังอยู่ใน<br>กระบวนการพิจารณาคดีของศาล คดียังไม่สิ้นสุด ไม่สามารถก้าวล้ำอำนาจศาลได้<br>แต่ข้อมูลที่ได้รับฟังจากทั้ง<br>2ฝ่ายจะนำไปประมวลเพื่อเสนอขอความเห็นจากผู้บังคับบัญชาต่อไป<p><br><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000067029">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000067029</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com4tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-10717382058738199472009-06-12T23:40:00.001+07:002009-06-12T23:40:58.071+07:00โจ๋ขอนแก่นเหิม! รุมตึ้บ ตร.ทางหลวงปลดทรัพย์โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2552 11:51 น.<br> ศูนย์ข่าวขอนแก่น - โจ๋ขอนแก่นกระหน่ำตีตำรวจทางหลวง<br>พ่อนักข่าวขอนแก่น หลังออกเวรสายตรวจประจำวัน ขณะขับ จยย.กลับบ้าน<br>ชิงทรัพย์นาฬิกา แหวน และเงินสดหลบหนี<p> ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า วานนี้ (11 มิ.ย.) ด.ต.จำลอง นาทันริ<br>ผบ.หมู่ฝ่ายปฏิบัติการ ส.ทล.2 กก.4 บก.ประจำจังหวัดขอนแก่น<br>เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น<br>หลังถูกกลุ่มวัยรุ่น 4 คน<br>ที่ตั้งวงสุราอยู่ริมถนนสายเลี่ยงเมือง-อุดรธานี เส้นทางลัดตัดผ่านเข้า<br>บ.โนนเรือง-บ.โคกสี รอยต่อ ต.บ้านค้อ และ ต.สำราญ<br>ใช้เท้าถีบรถจักรยายนต์จนล้มก่อนที่จะใช้เท้าเหยียบเข้าที่หน้าอกและรุมซ้อม<br>เพื่อหวังปล้นทรัพย์<p> ด.ต.จำลอง เล่าว่า หลังจากออกเวรสายตรวจและสิบเวรประจำวัน<br>ในช่วงเย็นของวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะกำลังขับรถจักรยานยนต์ซูซูกิ<br>รุ่นแสมช สีแดง หมายเลขทะเบียน กบธ-334 ขอนแก่น<br>ซึ่งแต่งเครื่องแบบครึ่งท่อน<br>โดยมีกระเป๋าสะพายที่มีอาวุธปืนของทางราชการติดตัวไปด้วย<br>ในขณะที่ขับรถอยู่พบเห็นกลุ่มวัยรุ่นที่ตั้งวงดื่มสุราอยู่ริมถนนสายดัง<br>กล่าวหน้าโรงเรียนบ้านโคกสี ต.สำราญ<p> จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 4<br>คนได้เดินออกมายืนขวางถนนก่อนที่จะใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของตนจนล้มลง<br>แล้วกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 4<br>คนก็วิ่งเข้ามารุมทำร้ายร่างกายโดยตนไม่ทันตั้งตัว<p> ทั้งนี้ ตนได้บอกกับกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 4 คนว่าเป็นตำรวจ<br>แต่กลุ่มวัยรุ่นไม่เชื่อ<br>พร้อมทั้งรุมซ้อมก่อนที่จะยกมือไหว้เพื่อร้องขอชีวิต<br>กลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดจึงถอดเอานาฬิกาโรเล็กซ์ 1 เรือน แหวนทองคำ<br>และเงินสดจำนวนหนึ่งก่อนที่จะหลบหนีไป<p> จากนั้นจึงขับรถจักรยายนต์เพื่อกลับบ้าน<br>แต่กลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดยังตามราวีไม่เลิกขับรถจักรยายนต์ไล่ตามก่อนถึงทาง<br>เข้าหมู่บ้านโนนแต้ ต.สำราญ เพียง 1 กม.<br>กลุ่มวัยรุ่นที่ขับรถจักรยานยนต์ตามมาได้ก่อนใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่บริเวณ<br>กลางหลัง ทำให้เสียหลักรถล้มลงอีกครั้ง<br>แล้วกลุ่มวัยรุ่นก็ลงจากรถกระหน่ำตีแบบไม่ยั้งจนสลบคารถจักรยายนต์<br>เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พยายามที่จะตั้งสติแล้วขับรถจักรยายนต์กลับบ้านเพื่อให้<br>ญาตินำส่งโรงพยาบาลขอนแก่น<p> "เส้นทางสายดังกล่าวเป็นเส้นทางที่มีผู้คนสัญจรไปมามาก<br>แต่ในวันที่เกิดเหตุไม่มีรถขับผ่านมา<br>ทำให้กลุ่มวัยรุ่นเหิมเกริมลงมือกับผมอย่างไม่ยั้ง ทั้งๆ<br>ที่ผมบอกไปแล้วว่าเป็นตำรวจทางหลวง และมีบ้านพักในเขตตำบลสำราญ<br>และสนิทสนมกับผู้นำชุมชนแถวนี้เป็นอย่างดี แต่กลุ่มวัยรุ่นก็ไม่สนใจ"<p> เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก<br>และเป็นช่วงเวลาเย็นหลังเลิกงานซึ่งถ้าเกิดกับประชาชนคงจะเป็นอย่างไร<br>อีกทั้งการกลับมารุมทำร้ายร่างกาย<br>เนื่องจากลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดที่เชื่อว่าเมื่อเปิดดูในกระเป๋าสตางค์และพบ<br>บัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง<br>จึงเชื่อใจว่าเป็นตำรวจจึงหมายที่จะเอาชีวิตเพื่อปิดบังคดี<br>โดยกระหน่ำตีตามร่างกายจนมึนไปหมด ก่อนที่จะปล้นทรัพย์เอานาฬิกา<br>แหวนทองคำและเงินสด<p> สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นตนอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัว<br>คนร้า มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด<br>เพราะเกรงว่ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวจะไปสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนคนอื่น<p> ด้าน พ.ต.อ.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่นกล่าวว่า<br>เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นคดีอุจฉกรรณ์<br>เกิดขึ้นเองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ<br>ซึ่งได้มอบหมายให้งานป้องกันและปราบปรามและงานสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่สืบสวน<br>หาข่าว และเร่งจับกุมวัยรุ่นที่ร่วมขบวนการทั้งหมดมาอย่างเต็มที่<br>ซึ่งขณะนี้ได้เบาะแสว่าเป็นวัยรุ่นใน พื้นที่ บ.โคกสี ต.สำราญ<br>และหมู่บ้านใกล้เคียงซึ่งหลังเกิดเหตุยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่<br>ทำให้ต้องระดมกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเร่งติดตามจับกุม<br>และจากการสอบปากคำผู้เสียหายที่ให้การที่เป็นเบาะแสได้มาก<br>จึงทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ง่ายขึ้นในระดับหนึ่ง<br>ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้โดยเร็ว<br>อีกทั้งเรื่องดังกล่าวนี้อยู่ในความสนใจของผู้บังคับบัญชาในระดับกอง<br>บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจภูธรภาค 4fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7240666424423756779.post-12788946061998476492009-06-12T23:39:00.001+07:002009-06-12T23:39:17.542+07:00เอ.อาร์.ฯจัด "คอมมาร์ตครั้งที่ 3" เชื่อตลาดไอทีขอนแก่นปีนี้โต 10%ศูนย์ข่าวขอนแก่น -เอ.อาร์.อินฟอร์เม ชั่น<br>ย้ำความสำเร็จปลุกตลาดคอมพิวเตอร์ขอนแก่น จัด "คอมมาร์ต อีสาน 2009"<br>นำสินค้าไอทีชั้นนำ อัปเดตเทคโนโลยีถึงพื้นที่เมืองหมอแคน<br>คาดตลอดระยะเวลา 4 วัน จัดงาน มีผู้เข้าร่วมงานคึกคัก<br>ภายใต้คอนเซ็ปต์นำความคุ้มค่าถึงอีสาน เชื่อตลาดสินค้าไอที จ.ขอนแก่น<br>ยังไม่อิ่มตัว มั่นใจขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% แม้เศรษฐกิจไม่อำนวย<br>โอ่ความก้าวหน้าเทคโนโลยีไอทีที่รวดเร็ว มุ่งสนองความต้องการผู้บริโภค<br>ขณะที่ราคาต่ำลง กระตุ้นยอดขายได้แน่ ชี้ สินค้าโน๊ตบุ๊คยังมาแรง<br>เป็นสินค้าธงในงาน<p> วันนี้ (11 มิ.ย.) บริษัท เอ.อาร์.อินฟอร์เมชั่น แอนด์ พับลิเคชัน<br>จำกัด ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดแถลงข่าวพร้อมเปิดงาน "คอมมาร์ต<br>อีสาน 2009" งานแสดงสินค้าไอที/คอมพิวเตอร์<br>และกิจกรรมเวิร์กชอปให้ความรู้ทางด้านไอทีที่น่าสนใจ<br>โดยมีผู้ผลิตสินค้าไอทีชั้นนำจากส่วนกลางและในพื้นที่<br>ร่วมออกบูธแสดงสินค้าภายในงาน มากกว่า 70 ราย ณ<br>ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น<p> นายชาคริต วงศ์แก้ว รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท<br>เอ.อาร์.อินฟอร์เมชั่น แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด<br>ในฐานะผู้อำนวยการจัดงานคอมมาร์ตอีสาน 2009 เปิดเผยว่า<br>บริษัทเชื่อมั่นในศักยภาพจังหวัดขอนแก่น เมืองศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ<br>การศึกษา และเมืองหลวงทางด้านไอซีที<br>ที่มีหน่วยงานด้านไอซีทีตั้งอยู่หลายแห่ง ทั้ง อีสานซอฟต์แวร์ปาร์ก,<br>ซิป้า จึงเลือกจัดคอมมาร์ต งานแสดงสินค้าไอทีชั้นนำขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น<p> งานคอมมาร์ตอีสาน 2009 ครั้งนี้จัดขึ้นระหว่าง 11-14 มิถุนายน<br>2552 บริษัทประสานดึงผู้ผลิตแบรนด์สินค้าไอทีชั้นนำ อาทิ เอเซอร์,<br>อินเทล, โตชิบา ฯลฯ พร้อมด้วยผู้จำหน่ายคอมพิวเตอร์ในพื้นที่<br>มาร่วมออกบูธ บนพื้นที่กว่า 3,500 ตารางเมตร<br>นำผลิตภัณฑ์ไอทีล่าสุดที่ยังไม่เคยเปิดตัวมาก่อน อาทิ Electronic Drum<br>Kit Shirt, Retro MP3 Alarm Clock, Aromatherapy Oil Burner USB<br>และสินค้าไอทีเปิดตัวพร้อมกรุงเทพฯ<br>ภายใต้ราคาและโปรโมชันที่ง่ายต่อการตัดสินซื้อ<p> ภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์และสินค้าไอที ปี 2009 นี้<br>แม้ภาวะเศรษฐกิจประเทศจะทรุดตัวตามปัญหาเศรษฐกิจโลก<br>แต่ตลาดสินค้าไอทีกลับมีลู่ทางในการขยายตัวไปได้อย่างต่อเนื่อง<br>เนื่องจากพัฒนาการด้านเทคโนโลยีไอที ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว<br>มุ่งสนองความต้องการใช้งานผู้บริโภคเป็นหลัก จากเดิมใช้เวลา 3-6 ปี<br>จึงเปลี่ยนรุ่นครั้ง แต่ปัจจุบันเพียงแค่ 3-6 เดือนเท่านั้น<br>ผลิตภัณฑ์ไอทีหลายๆ ชนิดก็เปลี่ยนรุ่นแล้ว<p> "การบริโภคสินค้าไอที จะมุ่งไปที่อารมณ์ความรู้สึกมากกว่า<br>ขณะเดียวกันการพัฒนาไอที ก็สามารถสนองความต้องการใช้งานมากขึ้นเช่นกัน<br>ภายใต้ราคาผลิตภัณฑ์ที่ต่ำลง การซื้อผลิตภัณฑ์ไอทีจึงเกิดความคุ้มค่าเงิน<br>มากกว่าการซื้อสินค้าชนิดอื่นๆ<br>สอดคล้องกับเงื่อนไขการใช้เงินในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน<br>ผู้บริโภคมุ่งให้ความสำคัญความคุ้มค่าเงิน ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า"<br>นายชาคริต กล่าวและว่า<p> กรณีตัวอย่าง คือ การจัดงานคอมมาร์ตที่กรุงเทพฯ ในปี 2552 นี้<br>จากการประเมินเบื้องต้น<br>เชื่อว่ายอดขายสินค้าไอทีภายในงานคอมมาร์ตน่าจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว<br>แต่ผลที่ปรากฎออกมา พบว่า ยอดขายสินค้าไอทีภายในงานกลับเติบโตขึ้นจากปี<br>2551สวนกระแสเศรษฐกิจ โดยมียอดขายรวมมากกว่า 3,500 ล้านบาท ชี้วัดได้ว่า<br>ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวไม่ส่งผลกระทบกับความต้องการสินค้าไอทีแต่อย่างใด<p> นายชาคริต กล่าวต่อว่า การจัดงานคอมมาร์ตในจังหวัดขอนแก่น<br>ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว<br>ซึ่งตอกย้ำความสำเร็จจัดงานแสดงสินค้าไอทีใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน<br>โดยบริษัทต้องการนำเสนอความคุ้มค่าต่อการเลือกซื้อสินค้าไอทีให้ชาวจังหวัด<br>ขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง<br>ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายเป็นราคาเดียวกับกรุงเทพฯ<br>แต่คืนกำไรให้ผู้ซื้อจากสิทธิพิเศษต่างๆ ทั้ง<br>ราคาและโปรโมชันจากผู้ผลิตภายในงานด้วย เชื่อมั่นว่า ตลอดระยะเวลา 4<br>วันจัดงานจะมีประชาชนเข้ามาชมและเลือกซื้อสินค้าไอทีอย่างคึกคัก<p> ที่ผ่านมา การจัดงานคอมมาร์ตอีสาน 2008 เมื่อปี 2551<br>ของบริษัทประสบผลสำเร็จน่าพอใจมาก แม้สัดส่วนยอดขายสินค้าไอที<br>จะมีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับงานคอมมาร์ตที่จัดในกรุงเทพฯ<br>แต่ในแง่การรับรู้ของชาวจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง<br>ถึงงานคอมมาร์ตอีสาน ว่าเป็นงานแสดงสินค้าไอทีขนาดใหญ่<br>คุ้มค่าต่อการเลือกซื้อสินค้าไอที<br>และที่สำคัญปลุกกระแสให้ตลาดสินค้าไอทีกับผู้ประกอบการมีความคึกคักมากขึ้น<br>เช่นกัน<p> บริษัทเชื่อมั่นว่า ยอดขายสินค้าไอทีภายในงานคอมมาร์ตอีสาน 2009<br>ที่จังหวัดขอนแก่น<br>น่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากยอดขายเมื่อปีที่ผ่านมาแน่นอน<br>โดยผลิตภัณฑ์ที่เชื่อว่าจะได้รับความสนใจสูงสุด คือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก<br>ที่ผู้ผลิตจากทุกค่ายนำผลิตภัณฑ์ล่าสุดมาแสดงไว้ในงาน ด้วยราคาต่ำลง<br>แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งได้รับโปรโมชันที่ดี ขณะที่ผู้บริโภคเอง<br>ก็มีสถิติเปลี่ยนมาใช้งานโน๊ตบุ๊คเติบโตแบบก้าวกระโดด<br>ทั้งจากกลุ่มทดแทนการใช้คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ และกลุ่มใหม่ๆ<p> นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ External Harddish<br>ที่พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น<br>พร้อมด้วยเทคโนโลยีการปกป้องข้อมูลส่วนตัว และมีราคาที่ต่ำลงมาก รวมถึงจอ<br>LCD หลากหลายขนาดจากหลายค่าย<br>น่าจะเป็นสินค้าไอทีอีกชนิดที่คุ้มค่าและได้รับความสนใจfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0