วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สปสช.ขอนแก่นดันเปิดคลินิกโรคหืดในโรงพยาบาลระดับตำบล

ศูนย์ข่าวขอนแก่น- ห่วงสถานการณ์ผู้ป่วยโรคหืด มีแนวโน้มสูงขึ้น ด้าน
สปสช.ขอนแก่น วางมาตรการรักษาโรคหืดในเชิงรุก ดันโรงพยาบาลระดับตำบล
เปิดคลินิกโรคหืดในกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นมหากาฬ
หวังใช้กำกับดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ เผย หากมีการรักษาอย่างทันท่วงที
ลดอัตราการเสียชีวิตได้

วันนี้ (24 ก.ค.) ที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สาขาเขตพื้นที่ขอนแก่น หรือ
สปสช.ขอนแก่น จัดอบรมเจ้าหน้าที่
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในโครงการพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหืดใน
พื้นที่รับผิดชอบร้อยแก่มหากาฬ ประกอบไปด้วยจังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น
มหาสารคาม และ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล
และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่เข้ารับการอบรมกว่า 200 คน

รศ.นพ.วัชรา บุญสวัสดิ์ รองคณะบดีฝ่ายวิจัย คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เปิดเผยถึงตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากโรคหอบหืดใน
ปี พ.ศ.2538 มีจำนวน 66,679 คน และเพิ่มเป็น 102,245 คน ในปี พ.ศ.2545
ส่วนสถิติผู้เสียชีวิตด้วยโรคหอบหืดในปี พ.ศ.2540 จำนวน 806 คน และในปี
พ.ศ.2546 เพิ่มขึ้นเป็น 1,697 คน
และคาดว่าจะมีผู้ป่วยที่มีอาการหอบหืดรุนแรง
จนต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินไม่ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านคน

"จำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี
และเป็นโรคเรื้อรังที่กระทบกับผู้ป่วยสูง
ไม่สามารถทำกิจกรรมได้เช่นคนปกติ
และทำให้ในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเป็นจำนวนมาก"
รศ.นพ.วัชรา กล่าว และว่า

โรคหืดในประเทศไทยเพิ่งจะได้รับความสนใจจากแพทย์เมื่อไม่นานมานี้
เนื่องจากว่ามีผู้ป่วยโรคหืดที่มีอาการรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาที่ห้อง
ฉุกเฉินหรือเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นในหลายๆ
ประเทศ

ด้าน นพ.ดุสิต ขำชัยภูมิ
รองผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 7 ขอนแก่น
เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคหอบหืดในปัจจุบันน่าเป็นห่วง เนื่องจากว่า
สถานพยาบาลที่ให้บริการไม่เพียงพอ
จึงทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ไกลจากภูมิลำเนา
ทำให้ลำบากในการเดินทาง ทางสปสช.เขต 7 ขอนแก่น จึงผลักดันให้เกิดคลินิก
โรคหอบหืดประจำตำบล ในเขตพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 4 จังหวัด
และจากที่ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ถือว่าประสบผลสำเร็จ

"สปสช.ขอนแก่น
ได้ดำเนินการเปิดคลินิกประจำตำบลในกลุ่มจังหวัดที่รับผิดชอบ
ขณะนี้สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่เป็นโรคหืดอย่างรุนแรงลงได้
แต่ต่อไปจะมีการเปิดคลินิคโรคหืดประจำตำบลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่โดยทาง
สปสช.เขต 7 ขอนแก่น จะเป็นผู้สนับสนุน" นพ.ดุสิต กล่าวและว่า

หาก ผู้ป่วยมีการรักษาที่ทันท่วงทีและปฏิบัติตามแพทย์ที่คอยให้คำแนะนำ
ผู้ป่วยจะสามารถดำรงชีวิตได้เหมือนกับคนปกติทั่วไป
แต่จะต้องระมัดระวังเรื่องฝุ่น
เพราะโรคดังกล่าวนอกจากเกิดจากกรรมพันธุ์แล้ว การอยู่ในที่อากาศไม่ถ่ายเท
รวมสถานที่ที่มีฝุ่นมาก ก็อาจเป็นสาเหตให้เกิดโรคได้

สำหรับผลการดำเนินการพบว่ามีโรงพยาบาล 98 แห่ง
สามารถจัดตั้งคลินิกโรคหืดแบบง่ายได้ มีโรงพยาบาล 65 แห่ง
มีการลงข้อมูลในฐานข้อมูลและโรงพยาบาล 33 แห่ง
มีการดำเนินการแต่ไม่ได้ลงในฐานข้อมูล และในปี พ.ศ.2551
มีผู้ป่วยที่ถูกขึ้นทะเบียนใน 4 จังหวัดร้อยแก่นมหากาฬ 4,815 คน
และมีผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาล 25,567 ครั้ง

ผู้ป่วยหวัดใหญ่ขอนแก่น 13 รายยังอยู่โรงพยาบาล ชี้หน้าฝน-หนาวเสี่ยงติดเชื้อสูง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2552 10:02 น.
ศูนย์ข่าวขอนแก่น-
สสจ.ขอนแก่นระบุตัวเลขสะสมผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เมืองหมอแคน
165 ราย แต่เหลือแค่ 13 รายที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
เผยชาวขอนแก่นตื่นตัวป้องกันหวัดใหญ่กันมากขึ้น
เห็นได้จากการสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออกนอกบ้าน
ชี้ต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแร็งสม่ำเสมอ
เพราะหน้าฝนถึงหน้าหนาวอัตราการแพร่เชื้อสูงมาก

นายวิทิต สฤษฏีชัยกุล
รักษาราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึง สถานการณ์
โรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ในจังหวัดขอนแก่น ล่าสุดข้อมูล ณ วันที่ 22
ก.ค. 52ที่ผ่านมาว่า พบผู้ป่วยยืนยันติเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
2009 จำนวนสะสมทั้งสิ้น 165 ราย
เป็นผู้ป่วยที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดขอนแก่น 132 ราย
ที่เหลือเป็นผู้ป่วยจากต่างจังหวัด ในจำนวนนี้รักษาหายแล้ว 152 ราย
ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 13 ราย แต่อาการทั่วไปดีขึ้น

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น
โดยคณะกรรมการอำนวยการป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ จังหวัดขอนแก่น
ซึ่งประกอบด้วย ผู้บริหารด้านสาธารณสุข แพทย์ พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุข
จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โรงพยาบาลศรีนครินทร์
โรงพยาบาลค่ายศรีพัชรินทร์ และโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งในจังหวัดขอนแก่น
ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประชุมประเมินผลมาตรการการดำเนินงาน
ทั้งด้านการรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรค
การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชน เป็นระยะทุกสัปดาห์
พบว่าขณะนี้ชาวขอนแก่นมีความตื่นตัวในการป้องกันตนเองและคนในครอบครัวมาก
ขึ้น

สังเกต จากมีการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อป่วยเป็นหวัด ไอจาม
หรือเข้าไปในที่ชุมชนแออัดกัน มีการจัดจุดล้างมือด้วยน้ำและสบู่
การให้บริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือตามโรงเรียน และสถานประกอบการต่างๆ


นายแพทย์วิทิตกล่าวต่อว่า
เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส
ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว
จึงขอให้ประชาชนปฏิบัติตนอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย เรื่อง
การกินอาหารสุกร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ
และสวมหน้ากากอนามัยเมือไอจาม
หมั่นดูแลรักษาร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ

โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง
หากเริ่มป่วยมีไข้ควรหยุดเรียน หยุดงาน พักผ่อนรักษาตัวจนกว่าจะหายป่วย
อาการไม่ดีขึ้นต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที
และขอประชาสัมพันธ์ขอบคุณไปยังหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน สถาบันการศึกษา
ห้างร้าน สถานบริการต่างๆ
ที่ให้ความร่วมมือในการรณรงค์ทำความสะอาดสถานที่
และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติในการป้องกันควบคุมโรค
ตลอดจนการงดให้บริการหากพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
2009

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คนขอนแก่นแห้วชมสุริยคลาส ฟ้าครื้มแต่ไก่โห่

ศูนย์ข่าวขอนแก่น-นักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น
และประชาชนทั่วไปที่รอสังเกตและชมปรากฏการณ์สุริยุปราคา้ต้องผิดหวัง
เนื่องจากสภาพฝนฟ้าอากาศไม่เป็นใจ
ที่ขอนแก่นมีฝนตกตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา
ทำให้ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมา้ท้องฟ้าปิดไม่สามารถมองเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าว

สภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ เนื่องจากมีฝนตกตั้งแต่เมื่อคืนทีผ่านมา
ทำให้ตั้งแต่เช้าจนถึงขณะนี้ที่จังหวัดขอนแก่นท้องฟ้ายังคงปิด
ทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแ่ก่นที่ตั้งกล้องดาราศาสตร์
และจัดเตรียมแ่ผ่นโซล่า วิวเวอร์ หรือแว่นสำหรับดูดวงอาิทิตย์ไว้
เพื่อรอชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาต็มดวง

แต่เมื่อฟ้าปิดนักศึกษาต่างบ่นรู้สึกเสียดาย
ที่ไม่ได้ชมปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้ ทั้งที่ได้เตรียมพร้อมอย่างดี
เช่นเดียวกับประชาชนที่ตั้งใจรอชมปรากฏการณ์
โดยมีผู้สังเกตว่าวันนี้ฟ้าปิดนานผิดปกติ
แต่เมื่อเห็นว่าสภาพท้องฟ้าปิดเช่นนี้่ย่อมมองไม่เห็นปรากฏการณ์
สุริยคลาส หรือ "กบกินตะวัน" ตามภาษาท้องถิ่นแน่นอน ก็รู้สึกผิดวัง

อย่างไรก็ตามแม้ไม่ได้ชมด้วยตนเอง
ก็จะรอติดตมชมภาพข่าวจากการชมรากฏการณ์ของประเทศจีนหรือประเทศอื่นที่น่าจะ
ชมได้ชัดเจนมากกว่าเมืองไทย

สสส.หนุนผลิตการ์ตูนแจกเยาวชนต้านภัยไข้หวัด 2009

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - นักวิชาการ มข.เผยได้รับการสนับสนุนงบจาก
สสส.วิจัยศึกษาการผลิตสื่อการ์ตูนเพื่อรณรงค์สร้างสุขนิสัยสำหรับเด็กวัย
เรียน หวังภัยไข้หวัดใหญ่ 2009
พากษ์ด้วยเสียงภาษาถิ่นเพื่อง่ายต่อการเข้าถึง
โดยหลังกระบวนการผลิตแล้วเสร็จพร้อมเผยแพร่ให้แก่องค์กรหน่วยงานต่างๆ
และโรงเรียนทั่วไป ที่สนใจ ใช้เป็นสื่อสอนเด็ก

สืบเนื่องจากความตื่นตัวขององค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
รณรงค์สร้างกระแสให้ประชาชนหันมาสนใจเรื่องสุขนิสัย
เพื่อเป็นการต้านภัยไข้หวัด 2009 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้
ดังกรณีการแจกจ่ายเจลสำหรับล้างมือในสถานที่ต่างๆ นั้น
ทางสำนักเปิดรับทั่วไป
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเองก็ได้มีโครงการวิจัย
"การประยุกต์ใช้นวัตกรรมการสร้างเสริมสุขนิสัยและพฤติกรรมสุขภาพ
สำหรับเด็กวัยเรียน จังหวัดขอนแก่น"
ซึ่งถือเป็นการใช้นวัตกรรมที่มีส่วนในการป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัด
2009 ได้อีกช่องทางหนึ่ง

รศ.ดร.พรรณี บัญชรหัตถกิจ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ผู้รับทุนโครงการวิจัยดังกล่าว เปิดเผยว่า
จากการศึกษาการสร้างเสริมสุขนิสัยของเด็กวัยเรียนที่ผ่านมา พบว่า
โรงเรียนส่วนใหญ่ยังขาดสื่อหรือนวัตกรรมที่จะใช้เพื่อเสริมสร้างสุขนิสัย
ตามสุขบัญญัติแห่งชาติ 10 ประการ ดังนั้น
โครงการจึงมีการสร้างนวัตกรรมเพื่อการสร้างเสริมลักษณะนิสัยขึ้น
โดยจำเป็นต้องใช้ทั้งภาพและเสียงที่เคลื่อนไหว

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นประสาทสัมผัส
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลรักษาร่างกายและของใช้ให้สะอาด,
การรักษาฟันให้แข็งแรงและแปรงฟันทุกวันอย่างถูกต้อง ฯลฯ ไปจนถึง
การล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังขับถ่าย
ซึ่งน่าจะสอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ในเวลานี้

รศ.ดร.พรรณี ระบุว่าแม้จะอยู่ในช่วงของการดำเนินงานวิจัย
แต่ปัจจุบันทางโครงการได้ผลิตสื่อเพื่อเผยแพร่ในเด็กวัยเรียนเรียบร้อยแล้ว
โดยผลิตเป็น VCD การ์ตูน ที่มีเสียงภาษาท้องถิ่นเพื่อง่ายต่อการเข้าถึง
ซึ่งสามารถเผยแพร่ให้แก่องค์กรหน่วยงานต่างๆ และโรงเรียนอื่นๆ ที่สนใจ
เพื่อใช้เป็นสื่อสำหรับเด็กวัยเรียนถึงความสำคัญของสุขอนามัยต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถาม เพื่อขอรับ VCD
การ์ตูนดังกล่าวได้ที่ ทีมงานประชาสัมพันธ์ สำนัก 6 สสส.

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000083270

สูญเสียอีกแนวร่วม พธม."อ.สมคิด เดชรัตน์" เชิญพี่น้องร่วมฌาปนกิจ 2 ส.ค.นี้

ศูนย์ข่าวขอนแก่น- "สมคิด เดชรัตน์" พันธมิตรฯ กู้ชาติ
รุ่นบุกเบิกเสียชีวิตแล้ว โดยอุบัติเหตุรถ จยย.ชนใกล้กับ ม.วลัยลักษณ์
เชิญชวนพี่น้องพันธมิตรฯ ที่คุ้นเคยร่วมฟังสวดพระอภิธรรม
พร้อมร่วมพิธีฌาปนกิจศพ วันอาทิตย์ที่ 2 ส.ค.52 ณ วัดนิกรรังสฤษฏ์
อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง

นพ.เฉลิมชัย อภิญญานุรักษ์
แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น
ได้แจ้งข่าวประกาศให้พี่น้องพันธมิตรฯ ที่รู้จัก
หรือเคยร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับ อาจารย์สมคิด เดชรัตน์
ซึ่งเคยเป็นนักศึกษาปริญญาเอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.)
รับทราบว่า ขณะนี้อาจารย์สมคิดได้เสียชีวิตแล้ว โดยเมื่อวันที่ 16
ก.ค.2552 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.00 น.อาจารย์สมคิด ได้ประสบอุบัติเหตุ
ถูกรถจักรยานยนต์ชน ขณะกำลังขี่รถจักรยานใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
แพทย์ต้องทำการผ่าตัดถึง 2 ครั้งเพื่อช่วยเหลือ
แต่อาจารย์สมคิดเสียชีวิตในวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา

อาจารย์สมคิด เดชรัตน์ เป็นชาวตรังโดยกำเนิด ปัจจุบันอายุ 27 ปี
เข้าร่วมต่อสู้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาตั้งแต่ปี 2548
จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ อาจารย์สมคิด ได้เดินทางมาศึกษาต่อระดับปริญญาเอก
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เกี่ยวกับยีนมะเร็งท่อน้ำดี
จนสำเร็จการศึกษา ในเดือนเมษายน 2552
พร้อมกับบันทึกสดุดีการต่อสู้กู้ชาติของพันธมิตรฯ บนหน้าแรกวิทยานิพนธ์
ของตนเอง ก่อนเสียชีวิตอาจารย์สมคิดเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
จ.นครศรีธรรมราช

นพ.เฉลิมชัย กล่าวว่า
เป็นที่น่าเสียดายที่ต้องสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าอย่างอาจารย์สมคิด
ไปในวัยที่ไม่สมควร นอกจากจะมีคุณค่าทางแวดวงการศึกษาด้านแพทย์ศาสตร์แล้ว
ยังเป็นการสูญเสียเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของพี่น้องพันธมิตรฯที่มีจุดยืนทางการ
เมืองชัดเจนว่า ต้องการให้การเมืองใหม่เกิดขึ้นได้จริง
เพื่อแก้ปัญหาโกงกินสมบัติชาติของเหล่านักการเมืองขี้โกงในระบอบการเมืองแบบ
เก่า

"อยากจะขอเชิญชวนพี่น้องพันธมิตรจังหวัดขอนแก่น จังหวัดตรัง
จังหวัดนครศรีธรรมราช
และจังหวัดใกล้เคียงร่วมไว้อาลัยส่งดวงวิญญาณเพื่อนพันธมิตรผู้รักชาติ
รักสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างอาจารย์สมคิดไป
สู่สวรรค์อย่างพร้อมเพรียงกัน"

สำหรับ กำหนดการงานสวดพระอภิธรรม อาจารย์สมคิด เดชรัตน์ มีดังนี้
ตั้งสวดพระอภิธรรมศพทุกคืนที่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 1 ถนนสุนทรอุทิศ
ตำบลย่านตาขาว อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ส่วนพิธีฌาปณกิจศพ
จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2552 ที่วัดวัดนิกรรังสฤษฏ์
ตำบลย่านตาขาว อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000083157

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อุทยานวิทยาศาสตร์อีสานพร้อมหนุนภาคธุรกิจเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กรกฎาคม 2552 15:46 น.
ศูนย์ข่าวขอนแก่น-อุทยาน วิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พร้อมหนุนธุรกิจทุกภาคส่วนใช้
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือพัฒนาธุรกิจสร้างศักยภาพการแข่งขัน
และผลักดันธุรกิจในภูมิภาคเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้วยการอาศัยงานวิจัยเป็นตัวช่วย

เมื่อเร็วๆนี้ ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดงาน
"INSPIRED BY NORTHEASTERN SCIENCE PARK" ขึ้น
เพื่อนำเสนอผลการดำเนินงานในระยะที่ 1
และแสดงศักยภาพความพร้อมสู่แผนงานระยะที่ 2 ต่อหน่วยงานทั้งภาครัฐ
ภาคเอกชน และสาธารณชนให้ได้รับทราบถึงผลการดำเนินงานขององค์กร
อันส่งผลกระทบต่อท้องถิ่นให้เกิดการพัฒนาธุรกิจ
และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างมั่นคง

รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย
อนุกรรมการและเลขานุการโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในฐานะตัวแทนอุทยานวิทยาศาสตร์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กล่าวถึงการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่า
เป็นการจัดตั้งขึ้นตามนโยบายคณะรัฐมนตรี ในสมัย พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
เป็นนายกรัฐมนตรี
โดยมีมติให้ความเห็นชอบให้มีการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขึ้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550
และได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ทำหน้าที่ประสานและให้คำแนะนำในการดำเนินงาน

ทั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมโดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ซึ่งจะนำไปสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพการแข็งขัน
ของประเทศ โดยได้ขยายศูนย์กลางการดำเนินงานมายังภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และได้ให้สถาบันอุดมศึกษา 4 แห่ง อันคือมหาวิทยาลัยขอนแก่น
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
และมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ร่วมมือกันใช้ความสามารถในเชิงวิจัยเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรม
และบ่มเพาะผู้ประกอบการใหม่
โดยการสนับสนุนงบประมาณเบื้องต้นในการจัดตั้งจากรัฐบาล

รศ.ดร.กิตติชัย
เปิดเผยว่าปัจจุบันอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ได้ดำเนินการวิจัย
และพัฒนาเพื่อยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3
ปี (ปีพ.ศ. 2549-2552) ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดของการดำเนินงานในระยะที่ 1
จึงได้จัดงาน "INSPIRED BY NORTHEASTERN SCIENCE PARK" ขึ้น ซึ่งมี
นายสุวิทย์ คุณกิตติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงาน
พร้อมเชิญผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ
นักวิชาการ สื่อมวลชน นักเรียน นักศึกษาและผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมงาน

การจัดงานครั้งนี้
ได้รับเกียรติในการบรรยายพิเศษจากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)
และรองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเครือเบทาโกร
ได้มาบรรยายพิเศษเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจไทย
พร้อมการเสวนาจากอดีตผู้บริหาร โซนี่มิวสิค (ประเทศไทย)
และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยแอร์เอเชีย จำกัด
ที่มาร่วมเปิดมุมมองแบบฉบับคิดให้ต่าง เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ

ปิดท้ายด้วยการเสวนาวิสัยทัศน์ของนักธุรกิจรุ่นใหม่
โดยรองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด
(มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายปลากระป๋องตราปลายิ้ม และรองกรรมการผู้จัดการ
บริษัท แมพพ้อยท์เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด

นอกจากนี้ ในงานยังให้บริการให้คำปรึกษาด้านการตลาด
ด้านตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดทำแผนธุรกิจ
การจับคู่ทางธุรกิจ การหาผู้ร่วมทุน และกิจกรรมอื่นๆ
ที่จะเป็นผู้ช่วยจุดประกายธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมของภูมิภาคสู่ประตูที่ 9
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข็งขัน และยกระดับเทคโนโลยี
นำไปสู่ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจต่อไป

แพทย์ มข.จัดคอนเสิร์ตช่วยผู้พิการเสียง - วางกรอบพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เหมือนคนปกติ

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ห่วงผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียงในภาคอีสาน หลังผ่าตัด
ต้องพลิกผันเป็นผู้พิการเสียง เหตุตัดกล่องเสียงทิ้งรักษาชีวิต
ระบุผู้พิการสื่อสารกับคนทั่วไปไม่ได้ กระทบโดยตรงกับสุขภาพจิตรุนแรง
ด้านทีมแพทย์รพ.ศรีนครินทร์ ตระหนักใช้แนวทางแก้ไขแบบครบวงจร
ยึดวิธีฝึกออกเสียงด้วยหลอดอาหารช่วยเหลือ มากว่า 25 ปี
ขณะที่ทุนทรัพย์หนุนกิจกรรมและค่าพาหนะผู้พิการเสียงไม่เพียงพอ
เตรียมจัดคอนเสิร์ต "ธารน้ำใจแด่ผู้ไร้กล่องเสียง" 28 สิงหาคมนี้

ผศ.นพ.ภัทรวุฒิ วัฒนศัพท์ อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า
โรคมะเร็งกล่องเสียงเป็นโรคมะเร็งที่ศีรษะและคอ
โดยบทบาทของโรงพยาบาลศรีนครินทร์
ถือเป็นศูนย์กลางการรักษาโรคมะเร็งศีรษะและคอ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียงและโรคมะเร็งคอหอยส่วนล่าง
เข้ารักษาโดยเฉลี่ยประมาณปีละ 80 คน

ปัจจัยและสาเหตุของโรคมะเร็งกล่องเสียง
สาเหตุหลักมาจากการสูบบุหรี่ ซึ่งสารพิษในควันบุหรี่
มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเซลล์ จนทำให้เกิดมะเร็งกล่องเสียง
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นเพศชายมากกว่าหญิง
โดยสถิติการเกิดโรคจะพบผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียง 2 คนต่อประชากร 1 แสนคน
และที่น่าสนใจ แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยที่มารักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ไม่ลดลง

จุดที่น่าเป็นห่วง ผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียง
ที่ส่งต่อเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์นั้น มากกว่า 80%
ป่วยเป็นมะเร็งระยะลุกลามแล้ว ทำให้การรักษายากลำบาก
จำเป็นต้องผ่าตัดกล่องเสียงทิ้งรักษาชีวิตผู้ป่วยไว้
ผู้ป่วยหลังผ่าตัดจึงไม่สามารถพูดได้ แต่หากผู้ป่วยมารักษาในระยะแรก
ยังคงรักษาด้วยการยิงเลเซอร์ ไม่ต้องตัดกล่องเสียงออก

ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดกล่องเสียงออกไป
จะไม่สามารถพูดได้เหมือนคนปกติทั่วไป
ต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟูให้สามารถใช้เสียงได้
โดยวิธีรักษาผู้ป่วยให้สามารถกลับมาพูดได้มี 3 วิธีคือ
การผ่าตัดเปิดช่องหลอดลม , การฝึกพูดโดยใช้หลอดอาหาร ,
และการพูดโดยใช้อุปกรณ์กล่องเสียงเทียม
โดยการรักษาผู้ป่วยของโรงพยาบาลศรีนครินทร์
จะเน้นวิธีฝึกพูดโดยใช้หลอดอาหารเป็นหลัก

ชี้พิการเสียงกระทบการดำรงชีวิต
ชูบำบัดเสียงด้วยสหสาขาวิชาชีพ

ด้านรศ.ดร.เบญจมาศ พระธานี อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า
ผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียงที่ผ่าตัดรักษาต้องตัดกล่องเสียงออก
กลายเป็นผู้พิการเสียงทันที ไม่สามารถสื่อสารด้วยวิธีพูดปกติได้
ที่ผ่านมาผู้พิการเสียง มักประสบปัญหา เกิดความทุกข์ทรมาน
กระทบโดยตรงต่อสุขภาพจิต เพราะ ไม่สามารถสื่อสารกับคนทั่วไปได้
ขอความช่วยเหลือลำบาก ผู้พิการเสียงบางรายถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายก็มี

ขณะเดียวกันผู้ไร้กล่องเสียง ยังมีปัญหาสุขภาพด้านต่างๆ อาทิ
การกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งกล่องเสียง การดูแลทางเดินหายใจด้วยตนเอง
การดูแลสุขภาพหลังตัดกล่องเสียง การไอและป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ
ฯลฯ

โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ตระหนักถึงปัญหาและมุ่งแก้ปัญหาให้ผู้ป่วยพิการเสียง
สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิต ดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข
จึงริเริ่มโครงการพัฒนาระบบการฟื้นฟูผู้พิการทางการสื่อสารจากมะเร็งกล่อง
เสียงแบบครบวงจร มาตั้งแต่ปี 2527

เพื่อดูแลผู้ป่วยหลังการผ่าตัดมะเร็งกล่องเสียง แบบสหสาขาวิชาชีพ
ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมเพียงแห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีนักแก้ไขการพูด นักกายภาพบำบัด พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์
มาร่วมช่วยเหลือผู้ป่วย
ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการตามนโยบายของคณะแพทยศาสตร์และตามพระราชบัญญัติคนพิการ
แห่งประเทศไทย

สำหรับการอบรมและฝึกพูดด้วยหลอดอาหารนั้น จะต้องฝึกเรอ
ให้ลมออกจากหลอดอาหารเป็นเครื่องมือในการออกเสียง รูปแบบการอบรม
จะมีวิธีฝึกพูดแบบตัวต่อตัว โดยนักแก้ไขการพูด พยาบาล
และผู้ไร้กล่องเสียงที่พูดด้วยหลอดอาหารได้คล่องแล้ว มาอบรมให้
ทั้งจะมีการจัดอบรมฝึกพูดเป็นกลุ่ม แบ่งระดับความสามารถของผู้ป่วยแต่ละคน
และมีวิทยากรประจำกลุ่ม

รศ.ดร.เบญจมาศ กล่าวต่อว่า โดยทั่วไปผู้ป่วยพิการเสียง
จะเดินทางมาอบรมฝึกพูดที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ประมาณเดือนละ 1 ครั้ง
อย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะสามารถออกเสียงหรือพูดโดยหลอดอาหารได้
โดยปกติการอบรมจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน ผู้ป่วยจะสามารถเรอออกมาได้
ส่วนผู้ป่วยที่สามารถกลับมาใช้เสียงด้วยหลอดอาหารได้นั้น มีประมาณ 70%
ขึ้นอยู่กับเนื้อมะเร็งกล่องเสียงด้วย

อย่างไรก็ตาม
แม้การรักษาผู้พิการเสียงให้กลับมาใช้เสียงด้วยหลอดอาหารได้นั้น
จะมีสวัสดิการรัฐช่วยเหลือ ทั้งสิทธิ์จ่ายตรง ประกันสังคม หรือบัตรทอง
แต่ค่าพาหนะเดินทางของผู้พิการเสียงมาฝึกพูดที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์
รวมถึงเบี้ยเลี้ยงจ่ายครูฝึก และค่าใช้จ่ายอื่น
ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายนอกเหนือการใช้สิทธิ์
เป็นภาระผู้ป่วยพิการเสียงและครอบครัว
ในหลายจังหวัดภาคอีสานที่มีฐานะค่อนข้างยากจน

เตรียมจัดคอนเสิร์ตธารน้ำใจแด่ผู้ไร้กล่องเสียง

สำหรับการช่วยเหลือ ได้จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือขึ้นมา
โดยที่มาของเงินช่วยเหลือได้จัดคอนเสิร์ตสมทบกองทุนไปเมื่อประมาณ 10
ปีที่ผ่านมา ขณะนี้เงินกองทุนเริ่มหมดลง ไม่เพียงพอต่อกิจกรรมช่วยเหลือ
ทางโครงการพัฒนาระบบการฟื้นฟูผู้พิการทางการสื่อสารจากมะเร็งกล่องเสียงและ
ชมรมผู้ไร้กล่องเสียงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จึงร่วมกันจัดคอนเสิร์ตการกุศลดนตรีสร้างสุข
"ธารน้ำใจแด่ผู้ไร้กล่องเสียง ครั้งที่ 2" ในวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคมนี้

ณ ห้องประชุมมอดินแดง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เพื่อหาทุนทรัพย์สนับสนุนค่าพาหนะและการจัดกิจกรรม ด้านการดูแลตนเอง
การให้กำลังใจ การให้คำแนะนำปรึกษา ทั้งด้านร่างกาย
ด้านจิตใจและสังคมกับผู้ป่วยพิการเสียง อีกทั้งเป็นกิจกรรมสร้างความสุข
ผ่อนคลายให้แก่ผู้ไร้กล่องเสียงและผู้ร่วมกิจกรรมด้วย

รูปแบบคอนเสิร์ตครั้งนี้ เป็นแบบดนตรีบำบัด โดยไฮไลท์ของงาน
ได้รับเกียรติจากนักดนตรีบำบัด Kana Kamitsubo
นักเปียร์โนและนักดนตรีบำบัดมืออาชีพระดับโลก จาก สหรัฐอเมริกา
จะมาเล่นดนตรีบำบัด พร้อมด้วยอังศณา ช้างเศวต
และที่สำคัญมีผู้ไร้กล่องเสียงมาร่วมร้องบทเพลงด้วยหลอดอาหาร
ภายในเวทีคอนเสิร์ตนี้ด้วย

สำหรับผู้สนใจร่วมกิจกรรมคอนเสิร์ตการกุศลครั้งนี้
สามารถติดต่อซื้อบัตรชมคอนเสิร์ต ได้ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โทร 043-348396 หรือผู้สนใจต้องการร่วมบริจาคทุนทรัพย์ช่วยเหลือกิจกรรมชมรมผู้ป่วยพิการไร้
กล่องเสียงได้ที่ กองทุนชมรมผู้ไร้กล่องเสียงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 551-291456-7 ธนาคารไทยพาณิชย์
สาขามหาวิทยาลัยขอนแก่น


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000081524